Wednesday, May 18, 2011

ระหว่างทาง.. ของการเดินถอยกลับ

ความรัก

เคยไหม..ที่คุณก้าวเดินไปข้างหน้า...
แต่รู้สึกว่ามันเป็นการถอยหลังกลับ


เคยไหม..ที่ท้องฟ้าในโลกส่วนตัวของคุณ
กลับเปลี่ยนจากสีฟ้ามาเป็นเมฆครึ้มสีเทาหม่น โดยไม่มีเค้าลางแห่งพายุร้าย...

ทุกอย่างพัดพาคุณกลับไปสู่จุดเริ่มต้น...
หรือไกลกว่านั้น...เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นหยดน้ำตา
เปลี่ยนเสียงหัวเราะเป็นเสียงสะอื้นไห้...
ความทุกข์เข้ามาทดแทน วันเวลาแห่งความสุขของคุณ..จนหมดสิ้น...



ความคาดหวังคือปัจจัยหลักของความทุกข์
ความฝันบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
ชีวิตคนเรามีปัญหา เพิ่มมากขึ้นตามวันเวลาที่หมุนไป...
ทุก ๆ วันเหมือนกับต้องตื่นขึ้นมา เพื่อเดินเข้าไปในสมรภูมิรบ
ฟาดฟันกับปัญหา...

หากคุณชนะคุณก็จะเดินจากมาพร้อมความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง...
หากคุณแพ้คุณก็อาจล้มจมอยู่กับที่...



แล้วจะมีใครสักกี่คนบนโลกใบนี้...
ที่จะคอยยื่นมือให้ความช่วยเหลือเมื่อเราเจ็บปวด

เอาเข้าจริงในโลกใบนี้...เราจะมีใคร ?...
ใครที่เป็นของเราจริง ๆ ...เกิดมาเพื่อเราจริง ๆ ..
.


บทเรียนของการเดินถอยหลัง...
ทำให้รู้ว่าความคาดหวังมักมาพร้อมกับความผิดหวังเสมอ...
เราคาดหวังว่าจะมีใครมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก...
คอยประคับประคองอยู่เคียงข้าง...คอยรับเมื่อเราล้ม..
แล้วตั้งความหวังว่าเขาจะยืนอยู่เคียงข้างเราไปจนวันตาย...
มีลมหายใจของกันและกันอย่างอบอุ่น


แต่ในโลกของความเป็นจริงก็คือ...เราต้องยืนด้วยตัวเองให้ได้...
หายใจด้วยตัวเองให้ได้...ลุกด้วยตัวเองให้ได้...


อ้อมแขนและลมหายใจของคนอื่น...
เป็นเพียงส่วนประกอบ ที่ทำให้เราเต็มพร้อมสมบูรณ์...
เราจำเป็นต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้ แม้ไม่มีส่วนประกอบนั้นก็ตาม...

ฉันได้เรียนรู้ว่า...ความฝันจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงได้เพื่อลดความเจ็บปวดในชีวิต...
เช่นเดียวกับความรัก...
สิ่งที่เรามอบไปอย่างทุ่มเท..โดยไม่เคยคิดถึงความผิดหวังที่จะตามมา...
มักทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน...
ความรัก...เปลี่ยนแปลงได้...


รอยเท้าของเราเหยียบย่ำไปท่ามกลางความสับสน
บางครั้งเข็มนาฬิกาก็เดินเร็วขึ้น...บางครั้งกลับเดินช้าลง...
ทุกอย่างไม่เป็นดั่งที่วาดหวังไว้เสียที...
เพราะเราควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้...


ความคิดของเขา..อาจทำให้เราเจ็บปวดจนสุดจะทน..
แต่เราก็ยังจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่..เพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดนั้น..
ดังนั้นเมื่อมีน้ำตา..และตัดสินใจว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่าหันกลับไปทางเดิม...
เพราะเรากำลังจะเดินจากมันมา..อาจไม่ใช่เขาหรือเราเป็นคนไม่ดี...

แต่ในบางเรื่อง..ก็อาจมีเหตุผลมากกว่าหนึ่งอย่าง...
อย่าพูดว่าเราทำเพื่อเขา...แต่กลับเอาตัวของเราเป็นที่ตั้ง...
เพราะนั่นไม่ใช่รักที่แท้จริง!...

ถ้าบนทางเดินที่ผ่านมาเราก้าวเร็วเกินไป...
มองย้อนกลับไปดูตัวเองใหม่...แล้วหัดเดินให้ช้าลง...

พฤติกรรมแสดงว่าคุณรักเขามากเกินไปแล้ว

อยากรู้ไหมว่าคุณทุ่มให้ความรักมากเกินไปหรือยัง ถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้มากกว่า1 ข้อ คุณรักเขามากกว่าตัวเองซะแล้ว ...
   
      ยอมทุกข์เพื่อให้เขาสุข
       
 ประมาณว่าสามารถพลีกายถวายชีวิตอึดทนยิ่งกว่ากระเบี้องมุงหลังคาเพียงเพื่อความสุขของคนที่คุณรัก ถ้ามีเงินห้าสิบบาทแล้วต้องเลือกระหว่างซื้อข้าวกินกับซื้อของขวัญวันเกิดให้หวานใจ คุณขอเลือกซื้อของขวัญดีกว่า ส่วนตัวเองจะต้องกินน้ำลายกี่ปิ๊ปก็ไม่เป็นไร ความรักประเภทนี้มาพร้อมกับสายตาที่ฝ้าฟาง มองเห็นคนรักเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ส่วนตัวเองเป็นแค่วัตถุโปร่งใสไม่มีตัวตน ยิ่งได้เสียสละเพื่อคนรักคุณก็จะยิ่งมีความสุข ส่วนเขาจะสละอะไรเพื่อคุณหรือเปล่านั้นโปรดอย่าถาม เพราะคุณไม่เคยสนใจจะหาคำตอบ

      ไดเอทไม่มีเหตุผล
       
ถึงแม้ว่าคุณจะห่างไกลจากอาการอวบระยะสุดท้ายอยู่หลายล้านปีแสง แต่แค่เขาบอกว่าไม่ปลื้มกับก้นเท่าลูกโบว์ลิ่งของคุณ คุณก็ยอมอดข้าวเย็นซะแล้ว แต่รู้ไหมว่าถ้าคนเรารักกันจริงจะทนดูคนที่ตัวเองรักเจ็บปวดไม่ได้หรอก ถ้าเขาทนเห็นคุณทรมานสังขารเพื่อความสุขของเขาได้ เขาก็อาจจะไม่ได้รักคุณมากเท่าที่คุณคิด
  

      เสียเพื่อนดีกว่าเสียเธอ
     
 คนฉลาดเขาบอกว่ายิ่งมีแฟน ผู้หญิงจะยิ่งต้องให้เวลากับเพื่อน เพราะถ้าแฟนตีปีกบินหนีไป จะได้มีเดอะแก๊งเอาไว้ช่วยซับน้ำตา แต่คนที่รักแฟนมากเกินไปจะสวนกระแสด้วยการทิ้งเพื่อนเพื่อแฟน หรือถ้าเพื่อนกับแฟนบังเอิญไม่ถูกกัน สาวสไตล์นี้จะรีบแอ่นอกรับห่ากระสุนน้ำลายที่พองเพื่อนสาดใส่แฟนทันที แบบไม่มีคำว่ารักตัวกลัวเพื่อนโกรธ เพราะแฟนคือทุกอย่าง แฟนชั้นถูกเสมอ ถึงจะแตกหักกับเพื่อนรักเพื่อแฟนชั้นก็ยอม

    บ้านอยู่ไกลย้ายไปใกล้เธอ
      
ประมาณว่าพี่เขาอยู่ฝั่งธน ส่วนคุณอยู่วัดดงมูลเหล็ก กว่าจะข้ามทางช้างเผือกมาเห็นกันมันช่างลำบากแสนเข็ญ อย่ากระนั้นเลยเพื่อให้เขาสบายคุณพร้อมจะหอบสมบัติทุกสิ่งอันย้ายบ้านไปอยู่ที่เดียวกับพี่เขา แม้ว่าจะต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อขึ้นรถลงเรือตะลุยคลื่นมหาชนไปถึงที่ทำงาน แต่คุณก็ทนได้ ขอให้ได้เห็นหน้าเขาทุกวันเป็นพอ

    เข้าข้างได้ทุกเรื่อง
       
แค่เขาบอกคำเดียวว่าไม่ชอบพฤติกรรมของคุณ คุณก็ยินดีจะลดละเลิกทุกสิ่งที่เคยเป็นความสุข เพื่อให้เขาไม่เปลี่ยนใจไปรักคนอื่น ถ้าใครได้แฟนจากสวรรค์ ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปเป็นบัวพ้นน้ำ เช่น เลิกขี้เมาเคล้าแสงสี เลิกเที่ยวราตรี เลิกสูบบุหรี่ แต่ถ้าได้แฟนงี่เง่า สาวเว่อร์เช่นคุณอาจจะต้องลุกขึ้นมาแต่งตัวเปรี้ยวให้มีเสียวว่าโฟร์โมสต์จะหก เลิกไปวัดไปวาเพราะเขาทนเสียงพระสวดไม่ได้ เลิกนั่งเรียบร้อยอยู่กับบ้านแต่ต้องตามเขาไปตะลุยผับบาร์ทั่วราชอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง แต่ถ้าไม่รักคุณเปลี่ยนไม่ได้หรอกนะ ขอบอก

      ถูกเขาว่าไม่ด่าตอบ
      
จะว่าเล็กๆ กัดคำโต หรือตวาดแว้ดลั่นซอยแบบแม่ค้าปลาสด คุณก็ก้มหน้าก้มตาทนได้ทั้งนั้น เขาจะกดขี่ข่มเหงทำร้ายจิตใจแค่ไหน คุณไม่เคยโกรธ เพราะทนปวดแก้วหูแค่นี้ยังดีกว่าต้องเสียหนุ่มหล่อหน้าปลาชะโดคนนี้ไป

         

ใครที่ทำตัวส่อแววนางทาสแบบนี้ รู้ไว้เถอะว่าคุณกำลังรักเขาเกินคำว่าพอดีไปแล้ว ...

ผู้ชายอย่างนี้ อย่าปล่อยให้หลุดมือ

กอด

ลิสต์สัญญาณต่างๆที่พอจะช่วยให้คุณตัดสินใจว่า ผู้ชายคนนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นแฟนที่ดีมากๆ แค่อย่างน้อยมีอยู่ในลิสต์นี้สักนิดก็ถือว่าเขาควรค่าแก่การคบหาแล้ว

มาดูกันสิว่า... ผู้ชายของคุณ มีคุณสมบัติเหล่านี้กี่ข้อกัน???

: : : เขาโทรฯมาบอกว่าจะมาช้า แม้จะแค่ 10 นาทีเท่านั้น

 : : : เขามีเพื่อนอย่างน้อยหนึ่งคนที่เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก เขายังสามารถคบกับคนที่เขาเจอตั้งแต่สมัยยังเล่นทรายได้ แสดงว่าเขาต้องมีความมั่นคงในการคบคนมาก

: : : เขารู้ว่าแม่เขาทำอาชีพอะไร แล้วงานการที่ว่าเป็นยังไง หรือถ้าไม่ทำงาน เขาก็รู้ว่าแม่ใช้เวลาอยู่บ้านยังไง ไม่ว่าจะทำงานหรือไม่ เขาก็นับถือแม่

: : : เขาไม่เข้าใจว่าทำไม คอลิน ฟาร์เรล ถึงเปลี่ยนสาวไม่หยุดหย่อน จากนางแบบมาเป็นดารา ทำไมผู้ชายไม่ยึดติดกับผู้หญิงคนเดียว

: : : ถ้าเขาแวะซื้อกาแฟตอนจะไปหาคุณที่บ้าน เขาก็จะซื้อคาปูชิโน่เผื่อคุณด้วย

: : : เขาชมคุณในสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ เช่นการยิ้มที่ขี้โกงของคุณ

: : : เขาเลี้ยงหมา (ผู้ชายบางคนขนาดปลูกต้นไม้ยังไม่สามารถดูแลได้เลย)

: : : พอคุณคุยเรื่องการหมั้นของเพื่อน เขาก็ไม่ดูกระวนกระวายเหมือนกวางที่โดนต้อน

: : : เขาแบ่งอาหารในจานเขาให้คุณทาน ถ้าแฟนคุณทำแบบนั้น เขาก็จะทำแบบนี้บนเตียงด้วย

: : : หลังวางหูโทรศัพท์จากเขา คุณก็รู้สึกเมื่อยแก้มเพราะคุยไปยิ้มไปตลอดเวลา

: : : เขาอยู่คนเดียว เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาขยับจากชีวิตเด็กหนุ่มมาเป็นผู้ชายเต็มตัว


: : : เขาชวนคุณไปปีนเขา หรือไปดูที่ทานอาหารเที่ยงมื้อใหม่ๆ เขาใช้เวลาตอนกลางวันกับคุณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามากกว่าต้องการคบคุณแค่เรื่องนั้น
: : : เขาชอบฟังคุณเล่ารายละเอียดในการทำงาน แม้ว่าคุณจะเป็นสมุหบัญชีก็เถอะ


: : : เขาไม่สนใจอีกสายที่โทรฯเข้าตอนเขาคุยโทรศัพท์กับคุณ ที่ดีกว่านั้นอีกก็คือ พอคุณปี๊บๆเข้าไป เขาวางสายอื่นทันที

: : : เขาคิดว่าหน้าอกหน้าใจ แพม แอนเดอร์สัน มันใหญ่โตเกินเหตุ และ ลอร่า ฟลินน์ บอยส์ ที่ใส่ชุดซีทรูก็ดูน่ากลัว เขาคาดหวังเรือนร่างผู้หญิงในแบบที่สมจริง

: : : ช่วงเสาร์ - อาทิตย์เขาตื่นไปยิม แทนที่จะนอนเอกเขนกบนเตียงบรรเทาอาการเมาค้าง จนกระทั่งเย็นก็ออกเที่ยวอีก

: : : ถ้าแผนการเดทล้มเหลว เขาก็มีแผนบีสำรอง

: : : เขาเตือนให้คุณนึกถึงเพื่อนสนิท ก็ถ้าคุณรักเพื่อน ทำไมคุณกับเขาและเพื่อนคุณถึงเข้ากันไม่ได้ล่ะ

: : : แค่เห็นเขาเดินออกจากห้องน้ำกลับมาที่โต๊ะที่นั่งกันอยู่ คุณก็ท้องไส้ปั่นป่วนแล้ว


: : : เมื่อพนักงานเสิร์ฟอาหารให้คุณผิดจานที่ร้านอาหาร เขาขอให้บ๋อยเอาของเขาไปอุ่นพลางๆ รอจนกว่าของคุณจะพร้อม ถึงคุณจะบอกเขาว่าไม่ต้องรอ ให้ทานไปก่อนเลย

: : : เขาบอกคุณว่าเบื่อบรรยากาศในบาร์แล้ว คำแปล เขาสิ้นลายและก็ไม่อยู่รอสาวถึงตีสองแล้ว

: : : เขามีผ้าคลุมเตียงเข้าชุดกัน (รวมทั้งผ้าปูที่นอนด้วย)

: : : หลังเดทแรก คุณไม่กังวลเลยว่าเขาจะโทรฯหรือไม่โทรฯมา..เพราะคุณรู้ว่าเขาโทรฯมาแน่ๆ

5 เสน่ห์สาวที่ชายไม่อาจปฎิเสธ

5 เสน่ห์สาวที่ชายไม่อาจ "ปฎิเสธ"

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon www.yenta4.com


1.เอาใจเก่ง ขี้อ้อน      นี่เป็นเสน่ห์ที่ใช้ง่ายและได้ผลดีที่สุด แต่มักจะถูกมองข้าม ไม่ค่อยได้ฝึกเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะมัวแต่เขินอาย ไม่กล้า หรือหยิ่งในศักดิ์ศรีกันอยู่

2.อ่อนหวานและอ่อนโยน
      ผู้หญิงกับความอ่อนหวานมักเป็นสิ่งที่ขาดกันไม่ได้อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะห้าวไปบ้างก็ตาม แต่ลึกๆแล้วก็ยังมีความอ่อนหวานซ่อนอยู่บ้างล่ะ ลองงัดมันออกมาใช้บ้างสิคะ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง

3.เปิดเผย จริงใจ      เปิดเผยในที่นี้ไม่ใช่เปิดแบบกล้าบ้าบิ่น ชวนขึ้นเตียงนะคะ แต่เป็นในแบบที่คิดอะไรก็พูดออกมา ไม่เก็บเอาไว้ให้อึดอัดใจเล่น เพราะหากคุณไม่เคยเผยความในใจออกมาให้รู้กันบ้างก็อย่าไปคาดหวังจะให้เขารู้ใจคุณได้เลยค่ะ

4.คล่องแคล่ว ปราดเปรียว     สาวๆที่มีบุคลิกแบบนี้ ใครเห็นเป็นต้องทึ่ง เพราะดูสมาร์ท ฉลาด เท่ และมีเสน่ห์เหมาะกับยุคนี้เป็นที่สุด

5.เข้าใจอะไรได้ง่าย     การที่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆในบางเรื่องก็ทำให้คุณดูดีขึ้นเยอะนะ แต่ยังไงก็ขอให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลด้วยละ ไม่ใช่ยอมไปเสียทุกเรื่องเหมือนดังทาสในเรือนเบี้ย ก็คงจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก   เพื่อนๆว่าจริงมั๊ยคะ 

"คุณรู้มั้ยอะไร ..ที่คนเหงา คนอกหัก คนมีรัก เค้าอยากได้?!"

คุณเคยเป็นมั้ย เวลาไปเที่ยวกับเพื่อน
แล้วเพื่อนมันดันหนีบแฟนไปด้วย
ถึงจะเราไม่ได้คิดอะไร ทำตัวปกติๆ คุยกันเหมือนเดิม
แต่ข้างใน ..มันโหวงๆอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เวลาสองคนนั้นคุยกัน เราก็จะรู้สึกเหมือน..เข้าไปแทรกไม่ได้
เหมือนตัวเราค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ ..
มันไม่ใช่ความอิจฉา แต่มันคือ ..ความเหงา

พอใครๆถาม อยากมีแฟนมั้ย?
ฉันก็จะตอบไปแบบนิ่งๆ ว่า ไม่อยาก (กลัวมันคิดว่าเราไม่มีใครเอา)
เพราะต่อให้ฉันตอบว่า อยาก..ฉันก็ไม่มีปัญญาจะหา
ต่อให้ตามหา ฉันก็ไม่เคยจะหาเจอ
ถึงฉันจะต้องการ ..ความรัก มันก็ไม่เคยมาถึง

วันๆทำได้แต่รอ ..รอคนนั้น คนที่เป็นของฉัน
ตื่นเช้าขึ้นมา ก็ทำแต่เรื่องเดิมๆ บนโลกเก่าๆใบเดิม
กับความเหงาเดิมๆ ที่เริ่มจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
ฉันไม่เคยจะชินกับมัน เพราะคำว่า ชิน
มันใช้กับอะไรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กับคน กับการกระทำ
แต่มันใช้ไม่ได้กับหัวใจ กับความเหงา ..ที่ขยายกว้างออกเรื่อยๆ

คุณรู้มั้ย ..คนที่ไม่มีใคร มันทรมานมากนะ
คนเหงาทำได้แค่ อิจฉา ..ไม่มีใครรักแล้วก็ไม่ได้รักใคร
คนอกหักบอกว่า จะลืม คนมีความรักบอกว่า จะจำ
แต่กับคนที่ไม่มีใคร ไม่มีเรื่องที่อยากลืม แล้วก็ไม่มีอะไรที่อยากจำ
ไม่มีเรื่องดีๆ ความทรงจำหวานๆ หรือภาพวันเลวร้ายด้วยซ้ำ

คนมีความรัก คนอกหัก จะเหมือนกันก็ตรงที่ ..คิดถึง
แต่กับคนที่ไม่มีใคร เวลาเหงา ..คุณว่าเขาจะคิดถึงใคร?
คิดถึงพ่อแม่ พี่น้อง หรือจะเป็นเพื่อน ..แต่คุณก็รู้ใช่มั้ย ว่ามันไม่เหมือนกัน

คนอกหัก ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจมากมาย กับอะไรๆที่มันได้ผ่านไป
คนมีความรัก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่ว่าเขาจะมองเห็นเรามั้ยแต่..เราเห็นเขา
แต่กับคนเหงา เขาไม่ได้อยากร้องไห้ แต่เขาก็ยิ้มไม่ออก ..เงียบสงบดีนะ

คนอกหักจะอยู่กับอดีต กับรักที่ได้ผ่านไปแล้ว
คนมีความรักจะอยู่กับปัจจุบัน กับความรัก กับสิ่งที่ยังอยู่
แล้วคนเหงาล่ะ กับอนาคตงั้นเหรอ ตลกน่ะ..
อนาคตคือสิ่งที่ยังไม่เกินขึ้น ไม่มีใครยึดติดกับมันได้
แต่รู้มั้ยคนเหงา มีทั้งอดีตแล้วก็ปัจจุบัน
แต่ที่เขาอยากได้ ..คืออนาคตข้างหน้าที่ร่วมกับใครสักคน

คนไม่มีใคร คุณอาจบอกว่ามันไม่จริง
อาจมีคนที่แอบรักเขาอยู่ ต้องมีคนที่หวังดีกับเขาอยู่แน่ๆ
แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ ก็ในเมื่อ ..เขาไม่รู้

คนที่ไม่มีใคร ถึงมีหัวใจมันก็ไร้ความหมาย
ไม่รู้จะใช้คำว่าเรากับใคร ไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีใครโทรหามั้ย
ไม่มีคนถามว่ากินข้าวรึยัง กินยาหน่อยมั้ย เจ็บตรงไหนรึเปล่า
ไม่มีข้อความหวานๆก่อนเข้านอน ไม่เคยได้ดอกไม้ในวันสำคัญ
ไม่เคยมีของขวัญพิเศษจากคนสำคัญในวันไหนๆ
ไม่รู้ว่ากำลังรออะไรอยู่ รอใคร ..รอทำไม
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องรอไปถึงเมื่อไหร่
แต่ที่รู้ๆ ฉันรอมานานแล้ว รออยู่ตรงนี้ ..คนเดียว

ทั้งที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
เหมือนตัวเองจะค่อยๆจางหายไป  ฉันไม่รู้ ..ว่านี่ใช่ที่ๆฉันควรอยู่รึเปล่า?
โลกกว้างๆใบนี้มีที่พอสำหรับฉันแน่ๆ และฉันจะอยู่ตรงไหนก็ได้
แต่ฉันควรจะอยู่ตรงไหนดีล่ะ ..ฉันควรจะอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้?
จะมีที่ไหนที่เป็นของฉันจริงๆมั้ย จะมีใครต้องการฉันจริงๆรึเปล่า
เขาจะอยากอยู่กับฉันไหม หรือว่าฉันควรจะไปไหนดี

สิ่งที่คนๆเหงาๆเค้าต้องการจริงๆ มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอก
และฉันก็เชื่อว่าไม่ใช่แค่คนที่เหงาเท่านั้น คุณเองก็ต้องการ..
 +
+
+



คุณเป็นอีกคนใช่มั้ย!?
ที่ต้องการ..หึๆอยากได้เหมือนกันล่ะสิ


    ... . ..  ใครคนนั้นใช่มั้ย คนที่คุณตามหามาทั้งชีวิต
ใครสักคนที่จะอยู่กับเรา ขอแค่ใครสักคน ..ที่จะเข้าใจ
ขอแค่คนเดียว ไม่ต้องมากมาย ที่จะอยู่ตรงนี้ ..ข้างๆฉัน
ขอแค่พื้นที่เล็กๆในใจเขา ขอไม่มากแค่พอที่เราจะเดินไปด้วยกันได้
ขอแค่นิดเดียว เนื้อที่สำหรับเราสอง ที่จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่อึดอัด
ขอแค่ใครสักคน ที่จะกุมมือฉัน ..ยิ้มแล้วพูดกับฉัน ว่า..
"เขาจะไม่หายไปไหน และที่ๆของฉัน คือข้างๆเขา" ..ขอแค่นั้นจริงๆ
คนที่จะไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียว คนที่หันไปเมื่อไรก็เจอ


  . .. คนที่ไม่จำเป็นต้องบอกว่ารักบ่อยๆ แต่เขาก็ทำให้ฉันรับรู้ได้เสมอ
คนที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ..ไม่ต้องเพิ่มขึ้นทุกวัน ขอแค่มันไม่ลดลงก็พอ
คนที่สามารถเดินไปพร้อมๆกับฉัน โดยไม่บ่นว่าเหนื่อยสักครั้ง
คนที่ไม่ต้องยอมตายเพื่อฉัน แต่เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อฉัน
คนที่ทำเหมือนฉันเป็นเจ้าหญิง และเขาเองก็พร้อมเสมอที่จะเป็นเจ้าชาย
คนที่ไม่มีหัวใจ เพราะเขาได้ให้ฉันมาหมดแล้ว
คนที่พร้อมจะอยู่ข้างฉัน และให้คำว่าเชื่อใจอยู่เสมอ
คนที่ไม่ทำให้ฉันเสียน้ำตา เพราะแค่ฉันเสียใจ เขาก็จะทนไม่ได้แล้ว
คนที่ไม่ได้ล้อเล่นกับฉัน เพราะเรื่องของเรา ..เขาจริงจังเสมอ
คนที่เขาต้องการฉันจริงๆ คนที่พร้อมจะเข้าใจฉัน 
คนที่จะไม่ถามว่าทำไม แต่เขาจะบอกว่า เข้าใจ
คนที่ฉันขาดไม่ได้ และเขาก็ต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่มีฉัน..

และที่สำคัญ ..เป็นคนที่ยอมใช้เวลาทั้งชีวิต  
เพื่อบอกกับฉันว่า ..รัก.. มันแปลว่าอะไร.   

คุณล่ะ อยากได้มั้ยเอ่ย.. >_<~

10 สิ่งประดิษฐ์ของโลกยุคปัจจุบัน

10 ยานวอยเอเจอร์ 



องค์การที่ ประดิษฐ์ : นาซ่า พ.ศ. 2520 การประดิษฐ์ยานอวกาศเพื่อเก็บข้อมูลระยะไกลนั้น เป็นเวลากว่า 30 ปี ยานอวกาศ "วอยเอเจอร์ 1-2" Ž ขององค์การอวกาศสหรัฐอเมริกา (นาซ่า) ทำหน้าที่เก็บข้อมูลจากปลายสุดของระบบสุริยะจักรวาลส่งตรงกลับมายังฐานนาซ่า บนโลกเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ยูเรนัส และเนปจูนสำเร็จ





9 เด็กหลอดแก้ว


ผู้ประดิษฐ์ : แพทริก สเต็ปโท-โรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ พ.ศ.2521 แพทริก สเต็ปโท นักสรีรวิทยา และโรเบิร์ต เอ็ดเวิร์ดส์ นรีแพทย์ ร่วมมือกันคิดค้นวิธีการผสมเทียมโดยนำอสุจิกับไข่ของมนุษย์มาผสมเทียมในหลอด แก้วเพื่อให้ปฏิสนธิมนุษย์นอกครรภ์มารดา การทดลองล้มเหลว 80 ครั้ง ในที่สุดปี 2521 วิธีผสมเทียมของทั้ง 2 คนก็ให้กำเนิดเด็กหลอดแก้วคนแรกของโลก หลังจากหนูน้อย "หลุยส์ บราวน์" ร้องอุแว้ในห้องคลอด ณ เมืองโอลด์แฮม ประเทศอังกฤษ





8 ดาวเทียม


เกิดขึ้นครั้งแรก : สหภาพโซเวียต พ.ศ.2500 ทันทีที่ดาวเทียม "สปุตนิก" ของโซเวียตถูกส่งออกไปนอกโลกเมื่อปี 2500 การแข่งขันด้านอวกาศระหว่าง 2 ชาติยักษ์ใหญ่ สหรัฐอเมริกากับโซเวียต ก็เปิดฉากเป็นทางการและบีบบังคับให้สหรัฐต้องส่ง "นีล อาร์มสตรอง" ไปเหยียบดวงจันทร์ในอีกประมาณ 10 กว่าปีต่อมา ดาวเทียมมีประโยชน์มากมาย ทั้งการสื่อสารไร้พรมแดน การสำรวจทรัพยากรโลกและอื่นๆอีกมากมาย





7 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) 



พลันที่ "ซิลิคอนชิป" ถือกำเนิดขึ้น "เทคโนโลยีสมองกล" ที่เรียกว่า "คอมพิวเตอร์" ก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่อ 40 ปีก่อน คอมพิวเตอร์ 1 เครื่องมีขนาดพอๆ กับสำนักงาน 1 แห่ง และแล้วปี 2520 พีซีขนาดตั้งโต๊ะเครื่องแรก "แอปเปิล II" ก็เผยโฉมขึ้น ตามด้วยพีซีสมรรถภาพสูง "IBM 5150" ของไอบีเอ็มที่ออกวางตลาดปี 2524 จากนั้นอีก 2 ปีระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ของไมโครซอฟท์จะช่วยให้พีซีระบาดไปทั่วโลกเพราะใช้งานง่ายและสะดวกสบาย




6 โทรศัพท์มือถือ



ผู้ประดิษฐ์ : มาร์ติน คูเปอร์ พ.ศ.2516 พื้นฐานการสร้างเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ไร้สาย หรือ มือถือ มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษ 1940 (พ.ศ.2483) แต่ต้องใช้เวลาต่อมาอีกหลายสิบปี มาร์ติน คูเปอร์ ถึงจะสามารถประดิษฐ์มือถือเครื่องแรกของโลกให้กับบริษัทโมโตโรลา การใช้งานมือถือขยายตัวไปทั่วโลกเพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจีเอส เอ็มที่ ใช้กันแพร่หลายมากกว่า 80 ประเทศ ประกอบกับราคามือถือถูกลงเรื่อยๆ ขณะที่การใช้งานหลากหลายขึ้น ทั้งบริการเอสเอ็มเอส วิดีโอโฟน อี-เมล ถ่ายภาพดิจิตอล ฯลฯ  





5 โครงการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ 



โครงการถอดรหัส พันธุกรรมมนุษย์ เป็นความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์หลายร้อยคนในสหรัฐ อังกฤษ จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี และญี่ปุ่น ซึ่งตั้งใจถอดรหัสการจัดเรียงตัวของ "ดีเอ็นเอ" หรือ หน่วยพันธุกรรม 3 พันล้านตัวอักษร กระทั่งประสบความสำเร็จในเดือนเม.ย. 2546 ช่วยให้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์เข้าใจการทำงานของร่างกายคนเราอย่างลึกซึ้ง ที่สุดในประวัติศาสตร์





4 แกะโคลนนิ่งดอลลี่ 



ผู้คิดค้น : เอียน วิลมุต พ.ศ.2540 ปี 2540 เอียน วิลมุต นักวิจัยสถาบันโรสลิน เอดินบะระ สกอตแลนด์ สร้างแกะโคลนนิ่ง ตัวแรกของโลกพร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า "ดอลลี่" "ดอลลี่" เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกของโลกที่สร้างโดยกระบวนการคัดลอกแบบทาง พันธุกรรม (โคลนนิ่ง) ด้วยการสกัดเอานิวเคลียส ในไข่ของแกะเพศเมียออก และสอดเอาเซลล์ร่างกาย ของแกะที่ต้องการสร้างเข้าไปแทนที่ จุดประกายความหวังในการสร้าง "มนุษย์โคลนนิ่ง" ท่ามกลางเสียงทักท้วงในโลกตะวันตกว่าหน้าที่สร้างสิ่งมีชีวิตเป็นของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์





3 แผ่นซีดี 


ผู้ประดิษฐ์ : คลาสส์ คอมพานน์ พ.ศ.2512 ปี 2512 คลาสส์ คอมพานน์ นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ลูกจ้างบริษัทฟิลิปส์เสนอแนวคิดสร้างแผ่นออพติคัลดิสก์ หรือแผ่นซีดี เพื่อนำมาใช้เก็บข้อมูลเสียงเพลงอย่างคงทนถาวรในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลแทนที่การ บันทึกลงแผ่นไวนิล ผู้ผลิตแผ่นซีดีผลิตออกสู่ท้องตลาดจริงๆ ในปี 2525 คือฟิลิปส์กับโซนี่จับมือกันพัฒนาซีดีขึ้นมา จนปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีคนนิยมใช้มากที่สุดในโลก





2 บาร์โค้ด 



ผู้ประดิษฐ์ : นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ พ.ศ.2515 นอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ เริ่มคิดค้นบาร์โค้ดมาตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา เมื่อมาทำงานที่บริษัท ไอบีเอ็ม จึงเริ่มคิดค้นอย่างจริงจัง วัตถุประสงค์เพื่อสร้างระบบ จำแนกสินค้าอัตโนมัติ และในปี 2515 ก็สามารถนำเอาความก้าวหน้าด้านคอมพิวเตอร์กับแสงเลเซอร์มาพัฒนาบาร์โค้ดจน สำเร็จ





1 เอทีเอ็ม



จุดเริ่มต้น : ธนาคารบาเคลยส์ พ.ศ.2510 ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าใครเป็นคนประดิษฐ์เครื่องทำธุรกรรมการเงินอัตโนมัติ หรือ เอทีเอ็ม เครื่องแรก แต่มีการขอจดสิทธิบัตรสร้างตู้เอทีเอ็มราวๆ 70 ปีก่อนโดยนักประดิษฐ์อเมริกัน ตู้เอทีเอ็มเครื่องแรกของโลกเปิดให้บริการโดยธนาคารบาเคลย์ส (Barclays) กรุงลอนดอน อังกฤษ ในปี 2510 ถือเป็นก้าวแรกของการทำธุรกรรมการเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่นำไปสู่การคิดค้น เทคโนโลยีรหัสรักษาความปลอดภัย (PIN) รวมทั้งการทำธุรกรรมผ่านโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต
หมาย เหตุ ข้อมูลทั้งหมดที่ทาง Toptenthailand.com นำเสนอได้มาจากการสำรวจความคิดเห็นเชิงสถิติ ด้วยขั้นตอนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของหัวข้อนั้นๆ ทางเว็บไซต์ Toptenthailand.com มิได้มีเจตนาที่จะนำเสนอข้อมูลดังกล่าวเพื่อชี้นำ หรือ ก่อให้เกิดความแตกแยกใดๆ ในสังคมทั้งสิ้น เราและทีมงานเพียงแต่ต้องการนำเสนอข้อมูลทางสถิติที่เรารวบรวมเพื่อเป็นสาระ และเป็นการสะท้อนอีกด้านหนึ่งของสังคม ให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และประชาชนทั่วไปรับชมเท่านั้น (โปรดใช้วิจารณญาณในการชม และบริโภคข้อมูลจาก Toptenthailand.com) และหรือในบางกรณี www.Toptenthailand.com จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรวบรวม และนำเสนอข้อมูลในการจัดอันดับที่มีอยู่แล้วในสื่อต่างๆ ทั้งทาง Internet และสิ่งพิมพ์ โดยเราจะอ้างอิง ให้เครดิต ถึงแหล่งที่มาในทุกๆ ครั้งไป 

10 อาหารมีพิษที่เราชอบกินกัน..

คุณรู้หรือไม่ว่าทุกวันนี้อาหารที่เรากินคิดว่ามันไม่เป็นอันตรายและทำ ให้สุขภาพดีนั้น กลับมีอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เนื่องจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอาหารชนิดดังกล่าวผ่านกรรมวิธีลดพิษ หรือไม่ก็พิษอาหารดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดผลต่อเราทันทีหากแต่มันจะสะสมร่าง กายและรอเวลาที่จะออกฤทธิ์เมื่อเรากินอาหารมีพิษนั้นๆ เข้า และแน่นอนบนโลกเรามีอาหารหลายชนิดที่เราไม่รู้เลยว่ามันมีพิษทั้งๆ ที่เราพบเห็นมันประจำและกินทุกวัน และนี้คือรายการอาหารเป็นพิษ 10 อันดับ ที่เราไม่รู้มาก่อน

10. Cassava (Yuca)


         
        
                มันสำปะหลัง มันสำปะหลัง เป็นพืชหัวชนิดหนึ่ง เป็นพืชอาหารที่สำคัญอันดับ 5 รองจากข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง พบทั่วไปในแคริบเบียนและอเมริกาใต้ รวมไปถึงเอเชีย มันสำปะหลังเมื่อทำสุกแล้วจะหวาน ซึ่งความจริงแล้วทั้งกลิ่นและรสชาติทั้งหมดขึ้นอยู่กับปริมาณกรดไฮโดรไซยานิ ค ซึ่งถ้ากรดดังกล่าวมีปริมาณน้อยรสจะหวาน หากมากรสจะขม และมันสำปะหลังนั้นมีพิษมากหากรับประทานดิบๆ หรือปรุงไม่ถูกวิธี เนื่องจากมันสำปะหลังดิบมีระดับไซยาไนด์ค่อนข้างสูง ซึ่งสารที่อันตรายมาก ถ้าหากคนหรือสัตว์นำมันสำปะหลังมารับประทานโดยไม่ต้มหรือเผาให้สุก เมื่อได้รับสารตัวนี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกน้ำลายฟูมปาก ชักและเสียชีวิตได้ แม้แต่วัวหรือควายตัวโตๆ ก็ตายมาแล้ว ดังนั้นวิธีลดพิษมันสำปะหลังดังกล่าวก็คือ การปอกเปลือก, การทำให้สุข, การหมักดอง ซึ่งวิธีการต่างๆ ที่กล่าวมานี้สามารถลดความเป็นพิษลงได้มากจนถึงหมดไป ทำให้เราสามารถกินมันสำปะหลังได้โดยไม่เป็นพิษต่อร่างกายเลย

9.Pufferfish

  

ปลาปักเป้าทั้งน้ำจืดและ น้ำเค็มที่พบในประเทศที่มีอากาศร้อนและอบอุ่น โดยเป็นปลาต้องห้ามผลิตและจำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลกเนื่องจากมันมีพิษ ที่ชื่อว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin)ในหนังปลา ไข่ปลา เนื้อปลา ตับ และลำไส้ มีความทนต่อความร้อนสูง ดังนั้นสารดังกล่าวจะไม่ถูกทำลายจากการประกอบอาหาร ซึ่งสารดังกล่าวทำให้มนุษย์เสียชีวิตอย่างง่ายดายเพียงประมาณแค่ 2 มิลลิกรัม โดยสารพิษจะขัดขวางกระบวนการทำงานของระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์และระบบประสาท ส่งผลทำให้อาการลิ้นชา อาเจียน กล้ามเนื้อแขนอ่อนแรง เดินเซ ขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก หากไม่รีบรักษาจะเสียชีวิต อย่างไรก็ตามปลาปักเป้าที่เป็นพิษจะเป็นปลาปักเป้าในธรรมชาติเนื่องจากสะสม พิษจากการที่มันกินพวกหอยเม่น หอยทะเล หนอนทะเล ส่วนปลาปักเป้าที่เลี้ยงสถานที่เพาะพันธุ์จะไม่มีพิษดังกล่าว ในประเทศญี่ปุ่นได้มีการบริโภคเนื้อปลาปักเป้ามาตั้งแต่โบราณ โดยเนื้อปลาปักเป้ามีภาษาญี่ปุ่นว่า “ฟุคุ” เนื้อปักเป้าถือว่าเป็นอาหาร ราคาแพงและหายาก โดยผู้ที่ต้องการแล่ปลาปักเป้าจะต้องไปเรียนวิธีการแล่เนื้อปลาจากสมาคมการ แล่ปลาปักเป้าแห่งญี่ปุ่นและได้รับใบประกาศมา  การแล่ต้องเอาเส้นเมาออกซึ่ง เส้นเมาหรือเส้นพิษจะมีขนาดเล็กและบางมาก โดยตัวหนึ่งจะมีเนื้อที่กินได้เพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยราคาซาซิมิปักเป้าญี่ปุ่นขายกันจานล่ะ หมื่นเยน แต่กระนั้นเนื้อปลาปักเป้าก็เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่นเนื่องจากรส ชาติที่หวาน กรุบ และถือว่าการกินปลาปักเป้าเป็นการท้าทายความตายด้วย


8. Mushrooms

    
             
เห็ด เป็นฟังไจชั้นสูงที่มีขนาดใหญ่หน้าที่หลักคือช่วยย่อยสลายซากพืชและสัตว์ให้ ผุพัง ดอกเห็ดส่วนใหญ่มีรูปร่างคล้ายร่ม มีหลายขนาดตั้งแต่เท่าเข็มหมุดถึงเท่ากับจาน โดยมีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดมีพิษโดยเห็ดมีประมาณกว่า 38,000 ชนิดที่เรารู้จัก และประมาณไม่ถึง 100 ชนิดที่เป็นเห็ดพิษ  โดยเห็ดพิษที่จัดว่าร้ายแรงที่สุดได้แก่ เห็ดในสกุล Amanita สกุล Helvella เห็ดหลายชนิดมีพิษที่ร้ายแรงสามารถฆ่าตาย ได้หากกินมันเข้าไป เช่น อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายต่อระบบทางเดินอาหาร ทำลายตับ ไต และหัวใจ ส่วนในเห็ดสกุลอื่นๆ ไม่เป็นอันตรายมากนักอาจทำให้เกิดอาการมึนเมาเท่านั้น นอกจากนี้การสังเกตว่าเห็ดชนิดไหนมีพิษไม่มีพิษนั้นเป็นเรื่องยาก ในสมัยก่อนเรามักได้ยินคนอื่นบอกว่าเห็ดพิษไม่มีพิษนั้นดูที่สีสัน หากสีสันสวยจะมีพิษ ซึ่งวิธีดังกล่าวไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะเห็ดพิษบางชนิดก็ไม่มีสีสันสวยงามเหมือนกัน ดังนั้นเราต้องใช้หลายวิธีในการตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าเห็ดชนิดดังกล่าว ไม่มีพิษ


7. Cashews

  

มะม่วงหิมพานต์ เป็นพืชพื้นเมืองของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิล ปัจจุบันมะม่วงหิมพานต์พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเขตร้อน เพราะเติบโตได้อย่างเหมาะสมในสภาพอากาศที่ชื้น และอบอุ่น ทั้งในเอเชีย และอเมริกาใต้ นิยมใช้เนื้อภายในเมล็ดเป็นอาหารว่าง และยังเป็นผลิตภัณฑ์ส่งออกของอินเดีย เวียดนาม และบราซิล ทั้งสามประเทศนี้ มีอัตราการส่งออกถึง 90% ของผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ทั่วโลก โดยนิยมนำเมล็ดและผลมารับประทาน และคุณรู้หรือไม่ว่าเมื่อเราซื้อเมล็ด มะม่วงหิมพานต์ดิบจากร้านค้าทั่วไปความจริงแล้วเมล็ดดังกล่าวไม่ได้ดิบไป เสียทั้งหมดเพราะว่ามันผ่านการนึ่งและแกะเปลือกมาแล้ว โดยเปลือกของมะม่วงหิมพานต์ดิบของมันก็มีพิษเหมือนกันโดยมีสารพิษ ชื่อ urushiol, พิษที่ระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรงที่พบในไม้เลื่อย หากกินมากจะเกิดอันตรายต่อร่างกายรุนแรง ดังนั้นเวลาจะรับรับประทานผลเนื้อ จะต้องนำเกาะเปลือกเมล็ดสีเขียวเข้มก่อน นอกจากนี้ยางจากมะม่วงหิมพานต์ ยังมีพิษทำลายเนื้อที่เป็นก้อนไต เช่น ตาปลา หูด
6. Chilies

  

พริกเป็นพืชที่นิยมปลูกหลายประเทศทั่วโลก เพราะพริกเป็นเครื่องเทศที่สำคัญชื่อหนึ่ง และยังมีคุณสมบัติเป็นยาสมุนไพรด้วยเช่นกัน พริกนั้นมีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อน พบได้ในพริกแทบทุกชนิดรวมทั้งในพริก ไทยและขิง สารดังกล่าวมีคุณสมบัติลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หากคุณกินในปริมาณมาก ก็อาจได้รับอันตรายและถึงตายได้ และสารชนิดดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ผลิตสเปรย์พริกไทยในการวงการตำรวจ และผลิตซอสที่เผ็ดที่สุดในโลก(The source) ที่กินมากอาจถึงตายและทำให้ผิวหนังไหม้และกระเพาะทะลุได้

5. Potatoes

  

 มันฝรั่ง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก เดิมเป็นพืชพื้นเมืองของทวีปอเมริกา และมันเป็นวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารที่รับความนิยมไปทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่มันฝรั่งเป็นพืชมีพิษ ลำต้นและใบมันมีพิษแม้แต่ตัวมันฝรั่งของมันก็มีพิษ  เปลือกมันฝรั่งมีสารพิษ จากธรรมชาติ สารพิษที่ว่านี้คือ Chaconine และ Solanine อาการที่ได้รับสารพิษจากเปลือก มันฝรั่งก็คือ คลื่นไส้ เลือดลมผิดปกติ ไตมีปัญหาและเกิดพิษ โดยเฉพาะจุดเขียวๆ และตาของมันฝรั่งมีพิษ และหากเก็บมันฝรั่งไว้ในที่สว่างหรือที่ร้อนก็จะยิ่งเพิ่มสารพิษมากขึ้นสี่ เท่าภายในเวลาไม่กี่วัน และหัวมันฝรั่งเองก็มีพิษ ซึ่งได้แก่ สาร Glycoalkaloids ซึ่งจะไป ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์คอลีนเอสเทอเรสทำให้เกิดอาการปวดหัว อาเจียน ท้องเสีย หรืออาจจะมีอาการป่วยหนักมากขึ้นหากรับประทานสารนี้เข้าไป มากกว่า 2.5มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว และที่สำคัญคือ ความร้อนไม่สามารถจะทำลายสารนี้ลงได้ หากแต่ปัจจุบันเราพิษจากมันฝรั่งดังกล่าวเพราะสารดังกล่าวในมันฝรั่ง ประมาณ 0.01 - 0.1% น้ำหนักแห้งเท่านั้น อีกทั้งร่างกายยังต้านทานต่อสารพิษอีกด้วย

4. Almonds

   

อัลมอนด์ เป็นหนึ่งในถั่วมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางอาหารสูงมีโปรตีนไขมันสุขภาพ, วิตามินและแร่ธาตุ และคุณรู้หรือไม่ว่าอัลมอนด์เป็นอีกหนึ่งในผลไม้ที่มีพิษนั้นก็คือไฮโดรเจน ไซยาไนด์   ที่อยู่ในถั่วอัลมอนด์ดิบ ดังนั้นด้วยเหตุนี้อัลมอนด์ดิบส่วนใหญ่จะต้องอบให้สุกก่อนที่จะมาจำหน่าย และมีหลายประเทศหมายว่าการขายอัลมอนด์ดิบถือว่าผิดกฎหมาย

3.Cherries

 

เชอร์รี เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีสีแดงสด(บางพันธุ์ก็มีสีเหลือง)รสชาติหวานอมเปรี้ยว  นิยมนำมาเชื่อมเพื่อ ตกแต่งอาหารหวานอย่างไอศกรีมหรือเค้กให้น่ากินมากยิ่งขึ้น สิ่งที่หลายคนรู้ ก็คือเชอร์รี่ประโยชน์เนื่องจากมีโพแทสเซียมในปริมาณสูง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการสร้างความสมดุลกับโซเดียมทำให้ความดันโลหิตเป็นปกติ ระบบไหลเวียนโลหิตดี เราจึงรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าอยู่เสมอ นอกจากนี้เชอร์รียังมี สรรพคุณเป็นยาระบาย ขับพิษต่างๆ ออกจากร่างกาย ทำให้เราปลอดภัยไกลโรค แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่าเชอร์รี่เป็นผลไม้ที่มี พิษ นั้นคือไฮโดรเจนไซยาไนด์ในเมล็ด  โดยเฉพาะเวลาที่คุณเคี้ยว บด ผลเล็กๆ ของเชอรี่ เชอรี่จะผลิตไฮโดรเจนไซยาไนด์โดยอัตโนมัติ หากแต่พิษค่อนข้างอ่อน อย่างมากแค่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน วิตกกังวลและอาเจียน หากกินมากอาจมีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิจ อาจทำให้ไตวาย ชัก และเสียชีวิตได้
รู้ไปก็เท่านั้น ไฮโดรเจนไซยาไนด์เป็นสารพิษที่พบได้ ทั่วไปในพืชหลากหลายชนิด คือ ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโอ๊ต ข้าวไรน์ ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่วชนิดต่างๆ อ้อย แอบเปิ้ล เผือก หน่อไม้ เมล็ดอัลมอล เชอรี่ พีช มะม่วง มะละกอ ฝรั่ง มะนาว เป็นต้น

2. Apples

      
          
แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่นิยม ไม่ว่าคุณไปไหน คุณก็จะเห็นผลไม้ชนิดนี้ในแผงขายผลไม้ทุกครั้ง แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่อร่อย และได้ชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากจนถึงกับมีคำกล่าวว่า กินแอปเปิ้ลวันละลูกห่างไกลโรคภัย ถูกต้อง แอปเปิ้ลดีต่อสุขภาพ เช่นเดียวกันแอปเปิลนั้นมีพิษ หากแต่พิษของมันอยู่ที่เมล็ดที่มีสารพิษไซยาไนด์ตัวเดียวกับที่ถูกใช้เป็นยา พิษมาเป็นเวลานาน ตัวเดียวกับที่ปรากฏในโคนันบ่อยครั้ง  พิษในเมล็ดแอปเปิ้ลดังกล่าวนั้นมี จำนวนน้อยมาก หากจะให้คนตายจะต้องใช้เมล็ดแอปเปิ้ลจำนวนเยอะมาก แต่กระนั้นการกินเมล็ดแอปเปิ้ลนั้นไม่มีเรื่องที่ดีแน่นอน เพราะการเคี้ยวหรือบดจะช่วยเร่งอัตราการดูดซับสารพิษของร่างกายเรา หรือไม่ก็การกลืนเมล็ดอาจติดคอเราก็ได้

1. Tomato

 

มะเขือเทศเป็นพืชชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร มะเขือเทศขนาดปานกลางจะมีปริมาณวิตามินซีครึ่งหนึ่งของส้มโอทั้งผล มะเขือเทศผลหนึ่งจะมีวิตามินเอราว 1 ใน 3 ของวิตามินเอที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีโปแตสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกหลายชนิด พูดง่ายๆ มะเขือเทศมีแหล่งอหารที่มีประโยชน์มากมายเลยทีเดียว แต่กระนั้นคุณรู้หรือไม่ว่ามะเขือเทศนั้นมีพิษ หากแต่พิษที่ว่านั้นไม่ได้อยู่ในส่วนผลของมะเขือเทศส่วนของลำต้น(ก้าน) เพราะมันมีสารพิษ  Glycoalkaloid(Glyco คือคาร์โบไฮเดรตโมเลกุล ใหญ่ๆ Alkaloid มันจะหมายถึงสารเคมีอันตรายกลุ่มหนึ่งที่พบมากในสารเสพติด เช่น บุหรี่ กัญชา กระท่อม) ซึ่งจะมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง อาจระส่ำระส่ายครั่นเนื้อครั่นตัวเนื่องจากมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร อีกทั้งยังเกิดการระคายเคืองจากการเผาไหม้อาจทำให้ปากและลิ้นเป็นแผลได้ หากรับประทาน(สารเคมีดังกล่าวมีประโยชน์ในการใช้ควบคุมศัตรูพืช) ดังนั้นครั้งต่อไปหากเราจะกินมะเขือเทศอย่าลืมเอาก้านออกด้วย(มะเขือเทศเป็น อาหารต้องห้ามของแมว ห้ามให้แมวกิน อาจตายได้)
รู้ไปก็เท่านั้น มะเขือเทศนั้นมีการเถียงว่าเป็นผักและ ผลไม้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศที่จะจำแนกมะเขือเทศว่าอะไร ในปี 1893 ประเทศสหรัฐได้มีการตัดสินว่ามะเขือเทศเป็นผักหรือผลไม้ในศาลเลยทีเดียว โดยสุดท้ายศาลก็ตัดสินว่ามะเขือเทศเป็นพืช(แต่ในทางพฤกษศาสตร์มะเขือเทศเป็น ผลไม้)