Friday, July 27, 2012

เคล็ดลับเกี่ยวกับ ลิปสติก


ความสวยความงามในตอนนี้ จะนำเสนอความรู้และเคล็ดลับเรื่อง การใช้ลิปสติก มาฝากเพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผู้หญิง กับ ลิปสติก เป็นของคู่กันเสมอ และไม่ว่าคุณสาวๆ จะแต่งหน้าหรือไม่ อย่างน้อยก็จะต้องทาลิปสติก เพื่อเพิ่มสีสันให้ริมฝีปากเสมอ
  • การเก็บลิปสติกในตู้เย็น จะช่วยให้อายุการใช้งานลิปสติกยาวนานขึ้น
  •  การเลือกซื้อลิปสติก อย่าได้ลองลิปสติก กับริมฝีปากของคุณ เพราะอาจเกิดการแพ้และไม่สะอาดได้ ควรทดสอบสีด้วยหลังมือเท่านั้น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบปาก (lip liner) ก่อนการทาลิปสติกทุกครั้ง โดยให้สีของดินสอเขียนขอบปากเข้มกว่าสีลิปสติก
  • ควรใช้พู่กันเกลี่ยลิปสติกทุกครั้งที่ทาลิปสติก เพราะจะช่วยให้เรียบเนียน ลิปสติกไม่ก่อเป็นก้อน
  • ภายหลังการทาลิปสติก มักมีสีของลิปสติกส่วนหนึ่งติดฟัน เพราะฉะนั้น ต้องตรวจสอบให้ดีและเช็ดออกให้เรียนร้อยก่อนออกจากบ้าน
  • การทาลิปกรอส ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่อายุเยอะๆ แต่จะเหมาะกับลิปสติกเนื้อด้านมากกว่า
  • บางครั้ง สามารถใช้ลิปสติกสองสีหรือมากกว่า ผสมสีกัน จะได้เฉดสีใหม่ที่สวยงาม ช่วยประหยัดกว่าซื้อสีใหม่
  • ควรทาลิปกรอส หรือ ลิปมัน ก่อนทาลิปสติกสีสัน เพราะจะช่วยให้ลิปสติก ติดทนนานขึ้น
  • กรณีที่ ลิปสติกหัก อย่าเพิ่งทิ้ง แต่ให้ใช้ความร้อนอ่อนๆ จากไฟแช็ก ลนบริเวณรอยหัก แล้วนำอีกส่วนมาต่อ ก็จะสามารถให้งานได้ตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ลิปสติกสีส้ม หรือ เฉดสีน้ำตาล เพราะหากคุณลืมเช็คหลังทา หรือ เร่งรีบ สีของลิปสติกจะติดฟันเป็นสีเหลืองๆดูสกปรก
  • เมื่อลิปสติกใกล้หมด เหลือถึงฐาน อย่าเพิ่งทิ้ง ให้นำมาผสม กับ วาสลีน คุณจะได้ ลิปกรอสบำรุงริมฝีปาก สีอ่อนสวยไว้ทาในวันหยุดพักผ่อน
  • เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกติดขอบแก้วขณะกินน้ำ ให้คุณเลือกใช้หลอดดื่มน้ำแทน

การเหยียดสีผิวของคนต่างชาติ

ณ สนามบินในประเทศแห่งหนึ่ง ผู้หญิงผิวขาวอายุประมาณ 50 ปี ขึ้นเครื่องบินลำหนึ่งที่มีผู้โดยสารแน่นเต็มลำ เมื่อเธอเดินไปถึงที่นั่งของเธอ เธอกลับไม่ต้องการที่จะนั่งตรงนั้น เพราะที่นั่งของเธอติดกับชายผิวดำคนหนึ่ง เธอทำท่าทางรังเกียจและเรียกแอร์โฮสเตสมาและพูดว่า "ฉันไม่สามารถนั่งที่ตรงนี้ ข้างชายผิวดำคนนี้ได้" และสั่งให้แอร์โฮสเตสหาที่นั่งใหม่ให้เธอ 

แอร์โฮสเตสรับคำแล้วหายไปครู่หนึ่ง พร้อมกลับมาบอกว่า "มาดาม ที่นั่งทุกที่ในระดับ Economy (ราคาถูกสุดเก้าอี้เล็กสุด) เต็มหมดแล้ว แต่ดิฉันจะเช็คกับกัปตันให้ว่า ยังพอมีที่นั่งในระดับ First Class (หรูมากๆ) หรือเปล่า"

แอร์โฮสเตสหายไปอีกสิบนาทีแล้วกลับมาพร้อมพูดว่า "กัปตันบอกว่าที่นั่งในระดับ Economy เต็มแล้ว แต่ยังมีที่ว่างใน First Class อยู่หนึ่งที่พอดี" แอร์โฮสเตสพูดต่อ "ในกรณีนี้กัปตันรู้สึกสงสารผู้โดยสารมากที่ต้องนั่งติดกับบุคคลที่น่ารังเกียจ และกัปตันได้อนุมัติให้ย้ายที่นั่งไปที่ First Class แล้ว"

ก่อนที่ผู้หญิงผิวขาวคนนั้นกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ ในขณะที่ชายผิวดำเริ่มใจเสียแล้ว แอร์โฮสเตสพูดต่อว่า "ดังนั้น คุณผู้ชาย กรุณาหยิบกระเป๋าของคุณ แล้วตามดิฉันมานั่งอย่างหรูหราที่ First Class ด้วยค่ะ กัปตันไม่อยากให้คุณนั่งติดกับบุคคลที่น่ารังเกียจค่ะ" ผู้โดยสารทั้งลำได้ยินเรื่องราวทั้งหมด ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือโห่ร้องให้กับการตัดสินใจที่เฉียบขาดของกัปตัน

Saturday, July 21, 2012

วิธีดูแลรักษารองเท้าคู่สวยของคุณผู้หญิง


วิธีดูแลรักษารองเท้าของคุณผู้หญิง
1. เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว สิ่งที่ควรทำโดยด่วยคือ ให้ใช้น้ำที่สะอาดล้างทำความสะอาดรองเท้าของคุณผู้หญิงให้ทั่วภายนอก จากนั้นค่อยเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด แล้วนำตากในที่ล่ม มีลมโปร่ง ไม่อับ ให้แห้ง

2. สำหรับชิ้นส่วนของพื้นรองเท้าที่อยู่ด้านใน ถ้าถอดมาทำความสะอาดได้ ให้นำไปล้างและทำความสะอาดซะนะคะ แล้วนำตากในที่ล่ม มีลมโปร่ง ไม่อับ ให้แห้งเช่นเดียวกัน

3. ไม่ควรใส่รองเท้าขณะที่ยังเปียก หรือชื้นอยู่ เพราะจะทำให้เกิดปัญหารองเท้ามีกลิ่นเหม็นอับได้ และ จะทำให้รองเท้าคู่สุดรักของคุณผู้หญิงเสียทรง หนังยืด ได้ด้วยค่ะ

4. การตากรองเท้าควรวางรองเท้าของคุณผู้หญิงให้ตั้งเอียงขึ้นประมาณสัก 45 องศาจากพื้น ให้น้ำที่ขังด้านในจากการล้างทำความสะอาดนั้นไหลออกมา

5. เมื่อรองเท้าแห้งให้นำไปเช็ดและถ้าหากเป็นรองเท้าหนังให้ขัดหนังรองเท้าคู่เก่งของคุณผู้หญิงให้เงาวับ แล้วนำไปวางไว้ที่แดดส่องถึงประมาณสัก 2 ชั่วโมงค่ะ เพื่อเป็นการรักษาหนังของรองเท้าคู่เก่งของคุณผู้หญิง

เลือกสีเสื้อเพื่อเป็นสิริมงคล


วันอาทิตย์ความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : ม่วง-ส้ม-เหลือง,ขาว,ครีม-เทา
การขอความช่วยเหลือ : แดง
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : เขียว,ดำ-น้ำเงิน,ชมพู
วันจันทร์ความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : ขาว-ครีม-เทา,ชมพู,เขียว
การขอความช่วยเหลือ : เหลือง-ส้ม
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : ม่วง,ดำ-น้ำเงิน
วันอังคารความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : ดำ-น้ำเงิน,เขียว,แดง
การขอความช่วยเหลือ : ชมพู
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : ครีม-เทา,ขาว,ม่วง-ส้ม-เหลือง
วันพุธความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : แดง,ม่วง-ส้ม-เหลือง,ขาว
การขอความช่วยเหลือ : เขียว
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : ดำ-น้ำเงิน,ชมพู,ครีม-เทา
วันพฤหัสความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : ขาว,ครีม-เทา,ชมพู
การขอความช่วยเหลือ : ม่วง-ส้ม-เหลือง
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : แดง,เขียว,ดำ-น้ำเงิน
วันศุกร์ความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : ชมพู,ดำ-น้ำเงิน,เขียว
การขอความช่วยเหลือ : ครีม-เทา
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : ขาว,ม่วง-ส้ม-เหลือง,แดง
วันเสาร์ความสำเร็จ,โชคลาภ,อำนาจ : เขียว,แดง,ม่วง-ส้ม-เหลือง
การขอความช่วยเหลือ : ดำ-น้ำเงิน
ทะเลาะวิวาท,มีปากเสียง/เจ็บป่วย/มรณะ : ชมพู,ครีม-เทา,ขาว
เป็นความเชื่อส่วนบุคคลจ้า

เรื่องดีๆ ที่อยากให้อ่าน... "พ่อครับ ขอยืมตังค์หน่อย"


เสร็จจากงานถึงบ้าน เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว เขาเดินเข้าบ้าน ที่ดูเงียบเหงา เนื่องจากภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อปีกลาย ทิ้งลูกชายคนเดียวไว้ กับเขาให้หาเลี้ยงลูกตามลำพัง ดีว่าเจ้าหนูน้อยพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง อาหารก็กิน อาหารปิ่นโต ที่ผูกประจำ หากินเองได้ ทำให้ไม่เป็นภาระมากมายนัก 
เข้ามาในบ้าน เหงื่ออาบแก้ม ยังไม่ทันได้พัก ผู้เป็นพ่อ เห็นหน้าลูกชายวัยซน ที่รอรับหน้า เอ่ยปากทัก "พ่อครับ วันนี้ทำงานเหนื่อยมั้ยครับ" 
"เหนื่อยสิลูก แล้ววันนี้ทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ" ผู้เป็นพ่อตอบเนือยๆ พร้อมกับถาม ต่อด้วยความเคยชิน
"เสร็จหมดแล้วครับ คือ ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามพ่อน่ะ พ่อว่างหรือยังครับ" 
ลูกชาย ตัวน้อย ถามต่อ "เดี๋ยวพ่อจะไปอาบน้ำ หาข้าวกินข้าวซักหน่อย แล้วคงจะเข้านอน วันนี้เหนื่อยเหลือเกิน ว่าแต่แกจะถามอะไรพ่อเหรอ" ผู้เป็นพ่อ ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า 
"คือผมอยากรู้ ว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันละเท่าไร ครับ" ลูกชายถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ 
หันมามองหน้าลูกชาย พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แล้วผู้เป็นพ่อ แต่ก็ตอบไปว่า " วันล่ะ สี่ร้อย" 
"งั้นผม ขอยืม ตังค์ พ่อ ซักสองร้อยได้มั้ยครับ " ลูกชาย ตัวน้อย เอ่ยปากด้วยสายตาวิงวอน 
"หา แกว่าไง นะ" ผู้เป็นพ่อ ขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ ก่อนที่จะหันมา พูดกับลูกชายด้วยเสียงเข้มขึ้นกว่าเดิม 
"นี่ฟังนะ แกคิดว่าเงินทอง หาได้ง่ายๆเหรอ กว่าพ่อจะได้เงินสี่ร้อยบาท ต้องทำงาน เหนื่อยตั้งแต่เช้ายันค่ำ แต่พอกลับมาถึงบ้าน เจอแก รอขอยืมเงิน พ่อง่ายๆ แบบนี้นี่นะ แกลองไปคิดดูให้ดีสิ ว่า แกทำประโยชน์อะไรให้พ่อบ้าง พ่อถึงจะต้องให้ เงินสองร้อยนี่ ให้แกยืม" 
เด็กชายยืนนิ่ง มองหน้าพ่อ ไม่มีเสียงหลุดออกจากปาก แต่น้ำตาไหลซึมลงอาบร่องแก้มทั้งสองข้าง ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับห้องตัวเอง อย่างซึมเซา 

หลังจากอาบน้ำเสร็จ แวะเข้าครัว หาข้าวปลากินเรียบร้อย เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เดินไปที่ระเบียง ความรู้สึกเคร่งเครียดที่ได้รับมาจากงานนอกบ้านเริ่มผ่อนคลาย คิดไปถึงอดีตที่ผ่านและงานที่ทำมาทั้งวัน แล้วก็ย้อนกลับคิดไปถึงลูกชายตัวน้อย 
ลูกเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเร ไม่เคยเอ่ยปากขอเงินเพิ่ม นอกจากเงินค่าขนมที่เขาให้ประจำวันเท่านั้น แต่วันนี้ทำไมถึงเอ่ยปากยืมเงิน 
เมื่อสักครู่ เขาเหนื่อยเกินไป หรือ เครียดเกินไปหรือป่าว ถึงได้ใช้อารมณ์กับลูกไปอย่างนั้น เมื่อได้คิด เขาดับบุหรี่ แล้วเดินไปที่ห้องลูกชายไฟในห้องนอนดับแล้ว 
เมื่อเปิดประตูเข้าไป เอื้อมมือเปิดไฟในห้อง หนูน้อยนอนตะแคงหน้า ตายังคงลืมจ้องมองมาที่ประตู แก้มที่แนบกับหมอน ชุ่มด้วยน้ำตา พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ อยู่คนเดียว 
เขาเดินไปนั่งที่ขอบเตียงมือลูบผม ลูกชายเบาๆ พร้อมกับเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเครือ จุกคอ 
"พ่อขอโทษ นะลูก เมื่อกี้พ่อเหนื่อยมามากเลยใช้อารมณ์ กับลูกมากไปหน่อย จริงๆ ตะกี้พ่อไม่ได้ถามลูกด้วยซ้ำว่า ลูกอยากยืมเงินพ่อไปทำไม ลูกอาจจะมีเหตุจำเป็นที่จะต้องใช้เงินก็ได้ เงินแม้ว่าจะหาได้ลำบาก ไม่ได้ได้มาง่ายๆ แ ต่ถ้าลูกมีเหตุผลเพียงพอ พ่ออาจจะให้ยืมก็ได้ เพราะว่า ลูก น่ะสำคัญสำหรับพ่อเหนือ สิ่งอื่นใด และพ่อรักลูกจ้ะ" 
"ว่าแต่ ไหนลูกลองบอกพ่อสิว่า ลูกอยากยืมเงินสองร้อยไปทำอะไร" ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่มองหน้าพ่อนิ่ง ด้วยน้ำเสียงปราณี เต็มเปี่ยมด้วยความรัก 
ลูกชายตัวน้อย ส่งเสียงสะอื้นจากลำคอ "พ่อครับ ตั้งแต่แม่ตาย ผมเห็นพ่อต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินทุกวัน จนไม่ได้พัก ไม่ได้อยู่กับผมเลย เราแทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกัน ผมเลย ค่อยๆ เก็บค่าขนมของผมไว้ตลอดมา จนถึงตอนนี้ผมเก็บได้สองร้อยบาทแล้ว แต่พอผมรู้จากพ่อว่า พ่อทำงานได้ ค่าจ้างวันล่ะสี่ร้อย ผมจึงอยากยืมพ่อเพิ่มอีกสองร้อย ให้เป็นสี่ร้อย เพื่อจะได้ใช้เป็นค่าจ้างให้พ่อได้พัก ได้อยู่กับผม ซักวันนึงครับ" 
เงินทอง อาจจะจำเป็น ต่อการดำรงชีวิต 
แต่ ครอบครัว ยังคงต้องการ ความรัก ความอบอุ่น และ เวลาที่มีให้ แก่กัน 
"อย่าห่วงงานจนลืม ครอบครัว และ คนที่คุณรัก "

6 วิธี สร้างความมั่นใจ จากวิธีคิด


"ความมั่นใจ" ถือเป็นก้าวแรกสู่ความสำเร็จและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต ทั้งเรื่องเรียนและการทำงาน นอกจากจะส่งผลให้เป็นคนกล้าแสดงออก และกล้าเผชิญกับเรื่องต่างๆ อย่างมั่นใจแล้ว ยังทำให้บุคลิกภาพดีด้วย  
แต่สำหรับใครที่ยังรู้สึกขาดความมั่นใจ "เกร็ดความรู้" สัปดาห์นี้มีวิธีเพิ่มความมั่นใจมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ
1. ยอมรับตนเอง 
เพราะทุกคนย่อมมีความแตกต่างกัน จึงควรภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น โดยอย่านำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น 
2. อย่าลังเลที่จะเรียนหรือทำสิ่งที่ชอบ 
เพราะสิ่งที่เราคิดว่าทำไม่ได้นั้น อาจเป็นกิจกรรมที่ช่วยดึงพรสวรรค์ ที่ซ่อนในตัวเราออกมาก็ได้  
3. คิดมีเหตุผล 
เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในเรื่องต่างๆ อย่าโทษตัวเองทุกเรื่อง และอย่าคิดว่าครั้งต่อ ๆ ไปก็จะผิดพลาดตลอด ควรใช้หลักการคิดอย่างมีเหตุผล เพราะหลายคนมักประเมินมาตรฐานตนเองต่ำเกินไป จึงยิ่งบั่นทอนความมั่นใจให้ลดน้อยลง  
4. เผชิญหน้ากับปัญหา 
โดยคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต้องเจอ หลังจากนั้นให้ใช้สติเพื่อการ แก้ไขเพราะปัญหาทุกอย่างมีทางออก  
5. รักษาสุขภาพกายและใจ ให้แจ่มใส 
ไม่ หมกมุ่นอยู่กับข้อด้อยของตัวเอง เพราะข้อด้อยต่างๆ สามารถพัฒนาให้กลายเป็นข้อดีได้  
6. บันทึกไดอารี่ความสำเร็จ ในเรื่องต่างๆ 
และเมื่อกลับมาอ่านจะช่วยให้เกิดความภูมิใจในความสามารถของตนเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตได้  
"ความมั่นใจ" นั้น แท้จริงแล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนมีอยู่ในตัวเอง แค่เริ่มต้นจากการคิดง่ายๆ สร้างกำลังใจให้ตัวเอง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสร้างความ มั่นใจได้มากทีเดียว หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ปรับให้ "ความมั่นใจ" กลายเป็นลักษณะนิสัยของตัวเองในที่สุด

เรื่องดีดี..ประตูสองบาน






Friday, July 20, 2012

เลือกสีและลายเสื้อผ้า ยังไงให้ดูดี


การเลือกเสื้อผ้ามาสวมใส่ นอกจากปกปิดกันโป๊แล้ว ถ้าต้องการให้ดูดีแบบสบายๆ แต่มีระดับ (ไม่ใช่แบบหลุดโลกเพื่อเป็นเป้าสายตาหรือเดินได้แต่บนแคทวอร์คเท่านั้นนะคะ) หลักการง่ายๆ คือ
  
1. สีโทนเดียวกัน 
สีทั้งหลายในโลกมีนับล้านๆสีค่ะ แต่แบ่งง่ายๆแบบไม่มีความรู้อย่างเราได้ 2 โทน คือโทนร้อน และโทนเย็น (ยกเว้นสีดำกับขาวนะคะ นั่นเป็นโทนกลางค่ะ)

  • สีโทนร้อน ก็จะให้ความรู้สึกอบอุ่น ร้อนแรง ซึ่งก็ได้แก่สีแดง ส้ม เขียว ครีม น้ำตาล เหลืองทอง เป็นต้น สีโทนนี้เหมาะกับสาวไทยผิวเข้มและคนทั่วๆ ไปค่ะ
  • สีโทนเย็น จะให้ความรู้สึกสบายตา เยือกเย็น ได้แก่ สีชมพู น้ำเงิน เทา ฟ้า เขียวไข่กา ม่วง เป็นต้น สีโทนนี้จะเหมาะกับสาวผิวขาวหน่อยใส่แล้วสวยกว่าค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าสาวผิวน้ำผึ้งห้ามใส่นะคะ เพียงต้องใช้ตัวช่วยอื่นๆกันบ้างเท่านั้น
การใส่เสื้อผ้ารวมทั้งเครื่องประดับรวมทั้งกระเป๋า รองเท้า ควรให้เป็นโทนเดียวกัน จะได้อารมณ์ไปทางเดียวกันค่ะ เราปวดใจแปล๊บทุกทีเวลาเห็นสาวคนไหนใส่กางเกงสีส้มกับเสื้อสีฟ้า หรือสาวออฟฟิศชุดสูทสีน้ำเงินสวย แต่ใส่รองเท้าสีน้ำตาล ไม่ได้หมายความว่าต้องสีเดียวกันทั้งชุดนะคะ นั่นเกินไปหน่อย แค่โทนเดียวกันก็พอค่ะ หรือว่าโทนเดียวกันแต่สีตัดกันฉึบฉั่บ อย่างเสื้อแดงกางเกงเขียวก็เกินไปนิดค่ะ (กรุณาใช้วิจารณาญาณและดูว่าคนรอบข้างมีใครแสบตาหรือไม่) ถ้าไม่มั่นใจ สีดำจะเซฟสุดค่ะ ใส่ได้กับทุกชุด เช่น ถ้าคุณมีงบซื้อรองเท้าราคาแพงได้แค่คู่เดียวให้เลือกสีดำไว้ก่อนค่ะ ไปได้ทุกชุดแน่นอน(โดยต้องดูแบบรองเท้าประกอบด้วย)
2. เล่นสีคนละระดับ
ท่อนล่างอ่อน ท่อนบนเข้ม สำหรับสาวอกโต ไม่มีสะโพก หรือท่อนล่างเข้ม ท่อนบนอ่อนสำหรับสาวสะโพกเทอร์นาโดกับสาวไข่เจียวค่ะ สีที่อ่อนจะทำให้ดูใหญ่ขึ้น ในขณะที่สีเข้มจะทำให้ดูเล็กลง เป็นเทคนิคการพรางตัวง่ายๆ การใส่เสื้อผ้าโทนเดียวกันแต่สีคนละระดับ เช่น เสื้อน้ำตาลกางเกงสีครีม หรือเสื้อชมพูอ่อนในสูทน้ำเงินเข้มจะดูสวยค่ะ ถ้าคุณใส่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งสีฉูดฉาดก็ควรมีชิ้นที่สีอ่อนๆให้พักสายตาบ้าง ในทางตรงข้ามถ้าคุณใส่สีอ่อน เช่น สีครีมทั้งชุดก็ควรมีเครื่องประดับเก๋ๆสีเข้มอย่างสีน้ำตาลไหม้แกมทองไว้ตัดกันจะโดดเด่นสะดุดตามากค่ะ การใช้สีเล่นระดับอ่อน-แก่ จะทำให้ดูน่าสนใจขึ้นกว่าระดับสีเดียวกันทั้งชุดนะคะ ลองดูค่ะ

3. อย่าใส่ลายทั้งชุด
ลองคิดภาพคนใส่เสื้อลายดอกกับกระโปรงลายสก็อตสิคะ มันช่างชวนให้เวียนหัวดีแท้ ข้อห้ามอย่างเฉียบขาดปางตายก็คือ "ห้าม"ใส่ลายหลายๆแบบในเวลาเดียวกันค่ะ ถึงเป็นลายเดียวกันแต่คนละสีคนละขนาดก็ไม่ควรค่ะ เปลี่ยนเป็นเสื้อลายดอกแล้วกระโปรงพื้น หรือเสื้อพื้นกางเกงจุดจะเด่นกว่าเยอะค่ะ หรือถ้าคุณอยากใส่เดรสลาย(ก็ชุดมันติดกันอ๊ะ จะแยกยังไง?) ก็หาอะไรสีพื้นมาเบรคค่ะ เช่นเสื้อคลุมตัวสั้นสีพื้นโทนเดียวกันหรือมีกระเป๋าหรือเข็มขัดแบบเรียบๆจะทำให้ดูดีกว่าลายพร้อยทั้งตัวนะคะ จำไว้ค่ะว่า คนนะ ไม่ใช่ตุ๊กแก

เลือกใส่เสื้อผ้า แก้ปัญหารูปร่าง


รูปร่างเตี้ยเล็ก
ใส่เสื้อคอวี ถ้าเตี้ยมากไม่ควรสวมสร้อยคอ แบบเสื้อเรียบที่สุดโดยเฉพาะบริเวณอกอย่าเสริมไหล่เสื้อที่แขนพองที่หัวไหล่ เอวเรียบ ถ้าจำเป็นต้องใช้เข็มขัดให้ใช้เล้นเล็กมากๆ เสื้อกระโปร่งชนิดปล่อยทิ้งแนบตัว ใส่รองเท้าส้นสูงเสมอ ชายกระโปร่งสั้นหน่อย พยายามใช้ผ้าพื้น ถ้ามีลายหรือดอกให้ใช้ลายเล็กๆ
รูปร่างผอม 
ใช้เสื้อคอสูงหรือแคบแนบคอ ถ้ามีปกใช้ปกกว้างมากๆ แขนสามส่วนดีกว่าแขนสั้น ผ้าลายขวางดีกว่าผ้าลายยาว ควรจะหลีกเลี่ยง การใส่เสื้อผ้ารัดรูป เสื้อแขนกุด กระโปรง-กางเกงขาสั้น ควรจะใส่เสื้อที่ตัดเย็บจากผ้าหนาๆ เช่น ผ้ายีนส์ เสื้อถัก ควรสวมใส่เสื้อกางเกงกระโปรง ที่มีการจับจีบหรือรูดระบายย้วยฟูฟ่องพองออกด้านนอก เพื่อให้แลดูมีเนื้อมากยิ่งขึ้นยิ่งขึ้นแต่ถ้าเป็นกระโปร่งจีบพองอย่าให้สั้นมากไป บังส่วนเอวที่เล็กด้วยผ้าคาดเอวหรือเข็มขัดแถบใหญ่ ใช้เครื่องประกอบการแต่งกายค่อนข้างใหญ่ เช่น กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด ต่างหู ไม่จำเป็นต้องสวมรองเท้ามีส้นเสมอไป
รูปร่างสูง คอเสื้อปกสูง ปกเสื้อกว้าง เน้นส่วนเอวให้เด่นด้วยสีสด หรือเข็มขัดผ้าพันเอวใหญ่ ใช้กระโปร่งแนบสะโพก มีเสื้อตัวยาวคลุมสะโพกจะดูดี ชายกระโปร่งต่ำกว่าเข่า
รูปร่างอ้วน
คนอ้วนลำคอมักจะสั้น วิธีที่จะทำให้ลำคอดูยาวขึ้นคือควรเลือกใส่เสื้อที่เป็นคอเชิ้ต คอวี จะช่วยเพิ่มความยาวของใบหน้า และลำคอได้ หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อคอปิด คอสูง เพราะจะทำให้คอสั้น และหน้าดูใหญ่ขึ้น ลายของเสื้อควรเป็นลายตั้ง ลายดอกเล็กๆไม่ควรเป็นลายนอนหรือลานขวาง ใช้สีแก่หรือคล้ำ ถ้ามีลายให้ใช้ลายเล็กแคบสีเดียวกันหมด อก เอว แขน เรียบไม่สะดุดตา ใช้เข็มขัดเส้นเล็กหัวเข็มขัดหุ้มผ้าสีเดียวกับเสื้อผ้าเพื่อไม่ให้สะดุดตา ถ้าจะต้องไปงานราตรี ให้ใส่ชุดราตรีเกาะอก ห้ามเด็ดขาดกับการเสริมไหล่ด้วยฟองน้ำ หรือแบบเสื้อที่มีการตกแต่งบนไหล่และลายริ้วขวาง หลีกเลี่ยงการสวมชุดกระโปรงที่เป็นชุดติดกัน ควรสวมเสื้อและกระโปรงแยกชิ้นที่มีมีสีเข้มๆ หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าเนื้อหนาๆ กระโปรงและกางเกงควรเป็นแบบเรียบๆ ทางตรงธรรมดาสีเข้มๆ  ชายกระโปร่งต่ำกว่าเข่าเสมอ
สาวสะโพกใหญ่
-  ไม่ควรสวมเสื้อเอวลอย
-   
ควรสวมเสื้อหรือกางเกงที่ตัดเย็บจากผ้านิ่มๆ พลิ้วทิ้งทั้งตัว สีเข้มๆ มืดๆ

-   
ไม่ควรสวมกางเกงหรือกระโปรงที่คับเกินไป เพราะจะทำให้เน้นถึงความใหญ่ของสะโพก

-  
ถ้าจะสวมกระโปรงเข้ารูป ให้เลือกที่มีความยาวคลุมเข่า และควรเลือกเสื้อผ้าที่มีส่วนผสมของเส้นใย Lycra จะทำให้กระชับสะโพกมากขึ้น

สาวบั้นท้ายใหญ่
สวมกางเกงที่มีขาใหญ่ แบบที่ไม่มีกระเป๋าหลัง หรือลวดลายตรงบริเวณสะโพก สวมกระโปรงทรงตรงแบบเรียบ หรือกระโปรงทรงเอ จะทำให้ใส่สบาย ๆ ไม่กระชับเกินไปซึ่งทำให้มองเห็นส่วนเกินได้ ให้จับคู่เสื้อ หรือแจ็คเก็ตชายสั้นกับกระโปรงยาว และเสื้อ หรือแจ็คเก็ตชายยาวกับกระโปรงสั้น .ใส่เสื้อหรือสูทที่พอดีตัว ให้ความยาวของเสื้อคลุมปิดบั้นท้ายไว้ เบี่ยงเบนความสนใจของคนที่มองคุณให้ไปอยู่ตรงส่วนบนของร่างกายโดยการสวมใส่เสื้อที่มีสีสรร ลวดลาย ฉูดฉาดเข้าไว้ หาเครื่องประดับต่างๆ มาห้อยที่คอหรือตกแต่งคอเสื้อก็ได้
การสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มจะทำให้รูปร่างของคุณดูผอมลงได้ เช่น สีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น
สาวหน้าท้องใหญ่
ใช้เสื้อช่วยโดยตัวเสื้อหลวมที่ปล่อยลงมาให้พอดีกับหน้าท้องที่ยื่นออกมาหรือใช้เสื้อตัวปล่อยไปเลยอย่าเน้นเอว  ถ้าต้องใส่เสื้อไว้ในกระโปรงกรณีที่เป็นเครื่องแบบที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใช้เสื้อตัวใหญ่หน่อยแล้วดึงมาให้เสมอหน้าท้อง ใส่กระโปรงบานทรงเอหรือกระโปรงย้วยเล็กน้อยตามความเหมาะสมแต่จะใส่กระโปรงแคบเลยจะดูไม่สวย
ไม่มีสิทธิ์ใช้สีอ่อนเลย ให้ใช้สีเข้มและแบบเรียบอย่ามีรอยย่น กระโปรงย้วยจีบรูดรอบตัวใช้ได้ ผ้านิ่มแนบไปกับสะโพก เสื้ออย่าให้เล็กมากเพราะจะเน้นสะโพก
สาวต้นขาใหญ่
เลือกกางเกงขากว้างๆ หรือทรงกระบอกจะทำให้ต้นขาของคุณดูยาวและเรียว ควรหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงที่ฟิตพอดีตัวประเภทขากระดิ่งขาม้ามาเป็นกางเกงสีเข้มเข้าทรงกับเอว หรือคับจนเกินไป หรือกางเกงผ้ายืด เพราะจะเน้นให้เห็นถึงต้น ขาที่ใหญ่ของเราได้ ถ้าจะใส่กางเกงให้แนบขาโดยใช้ผ้าหนาคุณภาพดีหน่อยจะช่วยได้มาก กางเกงยีนก็ใช้ได้ดี แต่ค่อนข้างลำลองเกินไป หลีกเลี่ยงการใส่กระโปรงและกางเกงขาสั้น ควรสวมกระโปรงย้วยหรือกระโปรงจีบรอบตัว ตัดเย็บด้วยเนื้อผ้านิ่มๆ พลิ้วๆเวลาเดินพีทแยกออกโดยไม่รู้ว่าพีทแยกออกเพราะต้นขาใหญ่หรือพีท อย่าใส่กระโปรงทรงตรงที่ชายสอบแค่เข่า สวมเสื้อ หรือแจ็คเก็ตที่ชายเสื้อคลุมมาถึงสะโพก กางเกงหรือกระโปรงที่สวมอย่าให้มีสีสันฉูดฉาดนัก การสวมใส่เสื้อผ้าสีเข้มจะทำให้คุณดูผอมลงได้ เช่น สีดำ สีน้ำเงินเข้ม สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น เลือกชุดชั้นในแบบกระชับสัดส่วนมาสวมใส่ เผื่อช่วยลดขนาดของต้นขาให้ดูเรียวขึ้น
สำหรับการเลือกชุดว่ายน้ำ ควรเลือกชุดว่ายน้ำที่เป็นแบบกระโปรงอยู่ด้านนอก
สาวเอวสั้น
พลางได้โดยไม่ว่าจะใส่ชุดคนละท่อนหรือติดกันก็ตามจะต้องเป็นสีเดียวกัน อย่าเล่น
สีตัดกันเป็นอันขาด สีตัดกันจะเน้นช่วงบนมาก แต่ถ้าจะใช้คนละสีก็ให้ใช้สีแนวเดียวกันโดยด้านบนสีอ่อนด้านล่างสีเข้ม
- ให้แนวเอวต่ำกว่าเอวจริง จะโดยการปล่อยตัวเสื้อลงมา
- หรือถ้าเป็นเครื่องแบบที่เอาเสื้อใส่ในกระโปรงก็ดึงเสื้อให้หย่อนลงมาหน่อย
- การใช้สีอ่อนเวลามองเสื้อดูกระจายออก ทำให้ดูช่วงบนใหญ่มากขึ้นกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย
สาวเอวบาง
หลักการตรงกันข้ามกันคือ เสื้อเข้มกระโปรงอ่อน ถ้าเป็นชุดติดกันควรมีเข็มขัดคาดหรือผ้าคาด

สาวไม่มีเอว
หลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อสีอ่อน และแบบเสื้อที่คลุมสะโพกเช่น สูทหรือแจ็กเก็ตที่ติดกระดุมซิปอย่างมิดชิด ควรใส่ เสื้อ กางเกงหรือกระโปรง แยกชิ้นกัน และควรเอาชายเสื้อทับและคาดเข็มขัด ซึ่งสามารถทำให้แลดูว่าเรามีเอวได้ ถ้าเอวใหญ่ไม่มากนักและตัวสูงพยายามทำเสื้อกระโปรงให้พองนิดหน่อยจะดูเอวเล็ก แต่ถ้าเอวใหญ่และตัวเตี้ยไม่ควรทำวิธีเดียวคือเลือกเสื้อผ้าสีเข้ม
สาวไหล่แคบ

-   ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีฟองน้ำที่ไหล่ เพื่อให้ผู้ใส่มีลักษณะท่าทางที่สง่างาม
-   
ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีลักษณะพลิ้วๆ เบาบาง

สาวไหล่ตั้ง
ใส่เสื้อแขนล้ำได้สวยมาก สังเกตว่าไหล่ใหญ่กับไหลตั้งไม่เหมือนกัน ไหล่ตั้งมักจะผอม อก
เล็ก ถ้าจะใส่เสื้อมีแขนต้องให้รอยต่อของแขนบริเวณหัวไหล่ล้ำเข้ามามากกว่าไหล่จริง 
 ถ้าใส่เสื้อแบบมีแขนไม่ต่อไหล่ก็ให้ใช้สีเข้มและเทคนิคการตัดเข้าช่วย ใช้ผ้าหนา
สาวไหล่ใหญ่ หน้าอกใหญ่
ไม่ควรสวมเสื้อเอวลอย ควรสวมเสื้อหรือกางเกงที่ตัดเย็บจากผ้านิ่มๆ เนื้อจอร์เจีย ชีพอง เครฟหรือผ้าป่าน พลิ้วทิ้งทั้งตัว ใช้ผ้าที่มีสี เข้มๆ มืดๆดีที่สุด ควรเลือกซื้อชุดชั้นในให้พอดีกับกับทรวงอก และที่สำคัญควรจะมีโครงเสริม เพื่อจะได้พยุงทรงเอาไว้ควรสวมเสื้อที่มีปก หรือคอวี เพราะจะช่วยให้ทรวงอกดูเล็กลงได้ หลีกเลี่ยงเสื้อที่มีลวดลายติดคอ แขนยาว หรือมีกระเป๋าที่อกเสื้อ.

7 ข้อห้ามของคนอยากผอม


1. ห้ามอด
อย่าไปเชื่อว่า การอดมื้อ กินมื้อแบบยาจกนั้น จะทำให้คุณผอมเพรียวลงได้
Denise Austin ผู้เขียนเรื่อง "Loose Those Last 10 Pounds " บอกว่า การที่
คุณอดอาหารไปบางมื้อ จะทำให้ระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย 
ทำงานได้ช้าลง ยิ่งทำให้อัตราการเผาผลาญไขมัน ทำได้น้อยลงตามไปด้วย
อย่างนี้ อดแทบตาย ก็มีแต่จะเป็นลมล้มพับ แต่ไม่ยักกะผอมเสียที

2. ห้ามผัดวันประกันพรุ่ง
อย่าพยายามหาเหตุผลมาผัดวันประกันพรุ่ง เช่น วันนี้มีงานเลี้ยงที่บ้าน
เจ้านาย ขอกินให้พุงกางก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มลดใหม่ แต่หารู้ไม่ ไม่มีวัน
พรุ่งนี้ที่รอคอย เพราะวันต่อมา คุณอาจมีเหตุผล(ในการกิน) ก็ยัยแก้ว
เพื่อนซี้นะสิ ชวนไปหม่ำกับแกล้มแถมเลี้ยงเบียร์แก้วโต ไม่ไปก็กลัวเพื่อน
จะงอน แล้วในที่สุด คุณก็ยังไม่ได้เริ่มคุมน้ำหนักอย่างที่ฝันไว้ สรุปว่า 
ถ้าอยากหุ่นดี ก็ควรเริ่มลงมือทันทีแต่ก็ไม่ต้องถึงกับยอมหักดิบ ค่อยเป็น
ค่อยไป และไม่ควรใจอ่อนกับตัวเอง สักวันหนึ่งคุณก็จะผอมได้ชัวร์ 

3. ห้ามใจร้อน
ก็แหม ! กว่าที่คุณจะอ้วนฉุได้ขนาดนี้ ก็คงใช้เวลาไม่น้อยหรอกน่า 
เพราะบางคนอาจจะเผลอลืมคืนวันที่เคยผอมไปแล้วนี่ การที่จะลด
น้ำหนักส่วนเกินลง ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ในชั่วข้ามคืน แม้นว่าคุณจะ
ไม่สามารถที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลง 5 กิโล ภายใน 2 สัปดาห์
ก็อย่าเพิ่งท้อแท้ ลองให้เวลามากขึ้นอีกหน่อย อาจจะ 2 เดือน หรือ
3 เดือน หากคุณไม่ถอดใจไปเสียก่อน คุณก็มีสิทธิ์เป็นสาวหุ่นดีได้แน่

4.ห้ามขี้เกียจ
ก็รู้ ๆ อยู่ว่า ถ้าอยากเป็นสาวหุ่นเพรียว ก็ต้องหมั่นออกแรง ให้เสียเหงื่อ
กันหน่อย แต่วิธีนี้กลับเป็นทางออกสุดท้ายที่จอมขี้เกียจอย่างเรา ๆ 
คิดจะเลือก ก็มัวไปถามหายาลดความอ้วน ที่ไม่ได้ช่วยให้คุณผอมได้
ในระยะยาว และยังมีผลข้างเคียงที่น่าหวาดกลัวมิใช่น้อย สรุปว่า
ถ้าอยากผอมจริง ๆ ก็ต้องขยันขยับตัว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องออกแรง 
เรียกเหงื่อหลาย ๆ หยดหน่อย เพราะการออกกำลังกาย เป็นหนทางเดียว
ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินของคุณได้อย่างปลอดภัย และหวังผลได้ชัวร์ๆ 
ด้วยสิ ถ้าอยากประกาศศึกกับความอ้วนจริง ๆ ห้ามขี้เกียจเป็นอันขาด

5. ห้ามแตะน้ำอัดลม
เครื่องดื่ม รสซ่า เต็มฟอง เย็นเจี๊ยบสักกระป๋อง อาจทำให้คุณรู้สึกเต็มที่
กับชีวิต แต่เครื่องดื่มชนิดนี้ ก็หนักแคลอรี่อย่าบอกใครเชียว 
ซ้ำร้ายยังเป็นภัยเงียบที่กัดกร่อนความแข็งแกร่งของกระดูกลงทุกวัน
ซึ่งอาจทำให้คุณกลายเป็นสาวกระดูกพรุนในวันข้างหน้าได้ หันมา
ดื่มน้ำเปล่าแทนจะดีกว่า ช่วยดับกระหายคลายร้อนได้ดีไม่แพ้กัน แถม
ยังถูกสตางค์ และไม่มีแคลอรี่ไห้หนักตัว

6. ห้ามคลายเครียดด้วยการกิน
จะเหงาใจ กลัดกลุ้ม หรือรู้สึกย่ำแย่แค่ไหน ควรหาทางออกด้วยการ
ฟังเพลง เดินเล่น พูดคุยกับใครสักคนที่รักเรา (จริง ๆ) ดีกว่าการ
หันหน้าพึ่งพาขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน หรือไอศกรีม ซึ่งอาจช่วยบำบัด
อารมณ์ได้เพียงชั่ววูบ แต่ก็ทำให้คุณอ้วนแบบไม่รู้ตัว ซ้ำร้ายต้องมา
นั่งหน้าหมองกับหุ่นอันแสนฉุไปอีกหลายเดือน ไม่คุ้มน่า อย่าเสี่ยง

7. ห้ามตามใจปาก
ถ้าอยากคุมน้ำหนักตัวให้อยู่หมัดจริง ๆ อย่าได้เผลอตามใจปากบ่อยนัก 
ควรคิดก่อนกินเ สมอ อะไรที่ควรกิน อะไรที่กินได้ แต่อย่าบ่อยนัก อะไร
ที่ควรเลี่ยงไปเลย ก็ต้องทำเมินกันจริง ๆ แล้วคุณจะเป็นสาวหุ่นดีแบบ
ถาวร 

7 วิธี เที่ยวต่างประเทศอย่างปลอดภัย


เราทุกคนต่างก็มีประเทศที่อยากลองไปเที่ยวด้วยกันทั้งนั้น เพราะบางครั้งเราก็อยากจะเปลี่ยนจากบรรยากาศแบบเดิม ๆ ออกไปศึกษาวัฒนธรรมใหม่ ๆ หรือลองทานอาหารต่างประเทศจากถิ่นกำเนิดดูบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น นอกจากจะคิดถึงเรื่องสนุกแล้ว เราก็ควรห่วงความปลอดภัยของตัวเองด้วยเช่นกัน เพราะไม่ว่าประเทศไหน ๆ ก็มีพวกมิจฉาชีพที่หวังจะเอาเปรียบนักท่องเที่ยวซ่อนอยู่ด้วยทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราจึงควรดูแลความปลอดภัยของตัวเองตลอดเวลา ด้วยการทำตามวิธีเหล่านี้...
1. อย่าใส่เครื่องประดับโชว์ 
เครื่องประดับมีราคาจากแบรนด์ดัง ๆ จะช่วยให้ผู้คนรอบข้างหันมาสนใจคุณมากขึ้น รวมถึงพวกมิจฉาชีพที่คุณอยากจะหลีกหนีด้วย เพราะเครื่องประดับพวกนี้ จะทำให้พวกเขาแน่ใจได้ว่าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงปล้นคุณสักครั้ง เพราะของที่ได้ไปน่าจะขายได้ราคาแพงเลยทีเดียว ดังนั้น เก็บเครื่องประดับแพง ๆ ไว้ที่บ้านบ้างก็ได้ แล้วเลือกใส่กำไล้ข้อมือถักน่ารัก ๆ ราคาเบา ๆ สักเส้นก็ดูดีแล้ว
2. เก็บเงินอย่างระมัดวัง
อย่าถือเงินเดินไปมาจนเด่นสะดุดตา เมื่อใช้เงินเสร็จแล้วก็รีบเก็บใส่กระเป๋าทันที และกดเงินจากตู้ในธนาคารที่มีคนพลุกพล่านเท่านั้น เพื่อไม่ให้พวกโจรเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ ก็ไม่ควรเก็บเงินไว้ที่เดียวกันหมด แบ่งเก็บตามจุดต่าง ๆ เช่น ที่พัก พระเป๋าสตางค์ กระเป๋าเดินทาง หรือซ่อนไว้ตามอกเสื้อบ้างก็ได้ ถ้าเผื่อถูกขโมยขึ้นมาจริง ๆ จะได้มีเงินสำรองเหลือเผื่อไว้ใช้บ้าง
3. พกเครื่องป้องกันตัวใส่กระเป๋าไปด้วย 
สเปรย์พริกไทย เครื่องช็อตไฟฟ้า หรือมีดพกคงไม่หนักกระเป๋าคุณเท่าไหร่หรอก แต่มันจะช่วยให้คุณรู้สึกปลอดภัยขึ้นอีกมาก และยังสามารถเอามาใช้ป้องกันตัวในยามฉุกเฉินได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น จัดที่ไว้ในกระเป๋าสำหรับของพวกนี้ด้วย บางทีคุณอาจจำเป็นต้องใช้มัน โดยเฉพาะผู้หญิงทั้งหลายยิ่งควรพกไปด้วยเป็นพิเศษ เพราะผู้หญิง (ส่วนใหญ่) ใช้กำลังของตัวเองชนะผู้ชายไม่ได้หรอก 
4. เลี่ยงการเดินในที่เปลี่ยว
แม้แต่ที่ซึ่งคุณคุ้นทางอยู่แล้วในประเทศตัวเอง คุณยังไม่ควรเดินในที่มืด ๆ คนน้อย ๆ ตามลำพังเลย แล้วถ้าไปเดินในที่แบบนี้ต่างเมืองล่ะก็ จะไม่ยิ่งอันตรายขึ้นอีกหรือ ที่แบบนี้แหละที่พวกโจรมักไปรวมตัวกัน รอดักเหยื่อที่เดินเข้ามา ดังนั้นพยายามอยู่ในที่มีคนพลุกพล่านเข้าไว้ อย่าเดินหรือจอดรถในที่เงียบ ๆ ไม่มีคนเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงค่าจอดรถแพง ๆ ก็คุ้มค่ากว่าการถูกปล้นแน่นอนล่ะ
5. ระวังในการบอกข้อมูล
บอกข้อมูลส่วนตัวของคุณเฉพาะเวลาที่จำเป็นจริง ๆ เช่น ตอนที่ต้องกรอกเอกสารสำคัญ ๆ แต่อย่าเอาข้อมูลอย่างเบอร์ห้อง เบอร์โทรศัพท์ หรือที่อยู่ ไปพูดเสียงดังในระยะที่คนแปลกหน้าได้ยินเด็ดขาด เพราะเราไม่รู้หรอกว่า คนพวกนี้จะเป็นมิจฉาชีพแฝงตัวมาบ้างหรือเปล่า ซึ่งเขาอาจเอาข้อมูลของคุณไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด แบบที่คุณไม่คาดฝันมาก่อนเลยก็ได้
6. ถ่ายเอกสารสำคัญไว้ให้ที่บ้าน
แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่คุณก็อาจทำเอกสารที่ต้องใช้เช่นพาสปอร์ต หายหรือถูกขโมยไปได้ เพราะฉะนั้น ควรถ่ายเอกสารของพวกนี้เอาไว้ให้ครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจได้ ซึ่งไม่ได้มาเที่ยวครั้งนี้กับคุณเก็บเอาไว้ด้วย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้ขอสำเนาจากพวกเขาได้ นอกจากนี้ ก็ควรทิ้งเบอร์ติดต่อที่พักไว้ให้พวกเขาด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉินจะได้บอกให้คุณรู้ได้
7. อย่าไว้ใจคนอื่นมากเกินไป
อย่าไว้ใจคนอื่นมากเกินไป โดยเฉพาะคนแปลกหน้า เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขามาดีหรือมาร้าย และหวังจะหาประโยชน์จากเรายังไงบ้าง ดังนั้น ถ้าคุณรู้สึกได้ว่าเขาดูพยายามเข้าหาคุณมากเกินไป หรือรู้สึกได้ว่าเขาทำดีมากเกินจนไม่เป็นธรรมชาติ เชื่อสัญชาตญาณของตัวเองเอาไว้ และพยายามตีตัวห่างจากเขาจะดีกว่า นอกจากนี้ถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังถูกคนแอบตาม ก็อย่าลังเลที่จะขอความช่วยเหลือ รีบไปในที่มีคนมาก ๆ และขอให้ใครช่วยทันทีจะดีกว่า
จำไว้ว่าอย่าเที่ยวเพลิน จนลืมใส่ใจความปลอดภัยของตัวเองด้วย เพราะเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะฉะนั้น ควรเที่ยวอย่างระมัดระวังตัวด้วยนะ

10 วิธี คบแฟนให้รักกันนานๆ !!

1. คบกันต้องไว้ใจกัน
เพราะ การเชื่อใจและไว้ใจกันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการคบหากัน ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดการไม่ไว้ใจกัน จะเป็นบ่อเกิดของการแตกแยกค่ะ

2. ไม่ควรจับผิดกัน
ข้อนี้เป็นผลตามมาของข้อแรกน่ะค่ะ การจับผิดกัน เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ถูกจับผิด รำคาญ จนทำสิ่งที่เรียกว่า " ตัดปัญหา " ได้ค่ะ

3. ไม่โกหกกัน
การโกหกเป็นสิ่งที่ห้ามกันได้ยาก แต่ถ้าเราสามารถทำได้ จะทำให้คนรักของคุณ เชื่อใจและไว้ใจคุณ

4. เสมอต้นเสมอปลาย

คุณผู้ชายทั้งหลายควรเสมอต้นเสมอปลายน่ะค่ะ ไม่ใช่ว่าจีบติดแล้วก็ทำตัวออกห่าง มิฉะนั้นจะหาว่า ไม่เตือน

5. ไม่มาก และ ไม่น้อย เกินไป
ควรทำอะไรที่มัน พอดี อะไรที่มากเกินไป หรือ น้อยเกินไป จะทำให้คู่รัก เบื่อหน่าย

6. เป็นตัวของตัวเอง
ควรเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด อย่าพยายามเป็นแบบใครหรือตามใคร เพราะคุณอาจจะทำได้ไม่นาน

7. ใจเย็นลงซักฝ่าย
ขณะทะเลาะกัน อีกฝ่ายควรจะอารมณ์เย็นนิดนึง เพราะถ้าร้อนทั้ง2ฝ่าย งานนี้ งอนยาวน่ะค่ะ

8. ไม่มองอีกฝ่ายเป็นของตาย

อย่าคิดว่าเขาจะทนคุณได้นาน และอย่าคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเลือกน่ะค่ะ

9. เลิกงอนแบบไร้สาระและมากจนเกินไป
อย่างอนเรื่องไม่เป็นเรื่องหรืองอนนานจนเกินไปน่ะค่ะ บางทีงอนมากๆ อีกฝ่ายรำคาญ ไปง้อคนอื่นแทนเลยก็ได้น่ะ

10. อย่าผิดคำสัญญา
อย่าสัญญาในสิ่งที่ทำได้ได้หรือยังไม่แน่ใจ เพราะสำหรับบางคน คำสัญญาเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อเขามาก

10 วิธีปฏิบัติตัวเองสู่คุณคนใหม่


อย่าปล่อยให้เป็นเพียงแต่ปีที่ "ใหม่" แต่เราควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคน "ใหม่" ทั้งกายและใจด้วย
          ปีใหม่ทั้งที เราจึงขอประมวล 10 กรรมวิธีที่ควรทำ เพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่คนใหม่ภายใต้ฟ้าใหม่ และหนึ่งในการปฏิวัติตัวเองใหม่คือ การหาเวลาท่องเที่ยวเหมือนอย่างพระเอก แมทธิว แม็กคอนาเฮย์ ที่ชื่นชอบไปไหนไกล ๆ โดยขี่รถอาร์วีสะเทินบกสะเทินน้ำเล่นทั่วชายหาดเป็นที่สนุกสนาน หรือดีไซเนอร์สาว สเตลล่า แม็กคาร์ตนีย์ ที่เปลี่ยนตัวเองไปกินมังสวิรัติ และ ลิซ เฮอร์ลีย์ กวินเน็ธ พัลโทรว์ มาดอนน่า ที่คลั่งไคล้การเล่นพิลาทีสเป็นอย่างมาก

1.ขับถ่ายให้ได้ทุกเช้าก่อน 7 โมง
          ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับขับถ่ายคือตี 5-7 โมงเช้า เพราะช่วงนี้เป็นเวลาทำงานของลำไส้ใหญ่ ถ้าปล่อยให้เวลาล่วงมา ของเสียจากลำไส้ใหญ่จะถูกบีบตัวผ่านลำไส้เล็ก กลับมาถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารอีกครั้งหนึ่ง และของเสียหรืออุจจาระนั้นจะมีแก๊สเน่าเสีย ที่เมื่อถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดจะทำให้เลือดไม่สะอาด

          ข้อควรระวัง : ถ้าอั้นอุจจาระจนถึงเที่ยงหรือบ่าย ร่างกายจะรู้สึกง่วง เพลีย เพราะเลือดไม่สะอาดจะไหลไปเลี้ยงหัวใจ และเมื่อเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงปอด ก็จะขับของเสียออกมาทางผิวหนังและลมหายใจ ทำให้มีกลิ่นตัวและกลิ่นปากโดยไม่รู้ตัว

2.หม่ำอาหารเช้าด้วยโฮลเกรน
          สถาบันมะเร็งแห่งเมืองมะกันเขาค้นคว้าออกมาแล้ว ว่าการกินโฮลเกรนและอาหารที่มีกากใยมาก จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ถึง 49% หนำซ้ำคนที่กินธัญพืชสม่ำเสมอ จะลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งทวารหนักอีกด้วย

          ข้อควรระวัง : อย่ากินอาหารที่มีกากใยมากเกินไป เพราะจะทำให้บวมน้ำและมีลมในท้อง ฉะนั้น ควรกินอย่างค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า

3.เช็กสุขภาพในช่องปาก
          ถ้าสุขภาพในช่องปากไม่ดี เช่น ฟันผุ ปริทันต์ ฯลฯ เราอาจป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือโรคหัวใจได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันมีคนไทยถึง 70% ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการรักษาสุขภาพช่องปาก เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ยังนิยมกินขนมหวานและน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง อันนำไปสู่ปัญหาโรคในช่องปาก

          ข้อควรระวัง : ถ้ารู้ตัวว่าป่วย เช่น เบาหวาน ควรบอกทันตแพทย์ให้รู้ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

4.เล่นพิลาทีส สัปดาห์ละ 3 ครั้ง
          ซึ่งหลักของพิลาทีสคือ การออกกำลังกายที่ดึงเอาศูนย์พลังที่มีอยู่ ณ จุดกึ่งกลางของร่างกาย หรือช่วงท้องมาใช้ ผู้เล่นต้องพุ่งความสนใจไปที่จุดกึ่งกลางของร่างกาย แล้วทำใจให้สงบก่อนเกร็งกำลัง ไม่ก็ยก เหยียด ยืดตัว หรือยืดแขนขา ซึ่งการฝึกพิลาทีสเป็นประจำ จะช่วยในเรื่องการยืดกล้ามเนื้อและสลายไขมัน นอกจากนั้น ยังทำให้การเคลื่อนไหวของร่างกายมีความสมดุล กระฉับกระเฉง ยืดหยุ่น และแข็งแรง

          ข้อควรระวัง : คนที่มีปัญหาด้านร่างกายควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการฝึก

5.อบซาวน่า สัปดาห์ละครั้ง
          สาวออฟฟิศที่วัน ๆ นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้เลือดใต้ผิวหนังหมุนเวียนช้าลง ส่งผลให้เกิดรอยเหี่ยวย่นไปจนถึงการสะสมเซลลูไลต์บริเวณขา แต่เมื่อได้เข้าอบซาวน่าแล้ว จะทำให้หลอดเลือดขยายตัวเมื่อถูกความร้อน และหดตัวเมื่ออบเสร็จ การขยายและหดตัวของหลอดเลือดอย่างนี้นี่เอง ที่ช่วยออกกำลังกายให้แก่หลอดเลือด นอกจากนี้ ความร้อนจากการอบซาวน่ายังช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย เพราะร่างกายได้ขจัดเหงื่อและของเสียออกจากตัว ทำให้เนื้อตัวสะอาดและรู้สึกโปร่งโล่งเบาขึ้น

          ข้อควรระวัง : ผู้ป่วยโรคติดเชื้อรุนแรง ไข้หวัดใหญ่ โรคไต รวมทั้งความดันเลือดและเส้นเลือดตีบตันควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะดีที่สุด
6.เรียนเต้นรำเพื่อสุขภาพอย่างจริงจัง
          เรามักไม่ค่อยรู้ว่าการเต้นรำเพื่อสุขภาพ นอกจากจะทำให้เราแข็งแรงและมีสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้เรามีบุคลิกที่ดีขึ้นด้วย เพราะท่วงท่าในการเดินหรือยืนจะดูสง่า ซึ่งหลักการเต้น เพื่อสุขภาพจะใช้จังหวะดนตรีเข้ามาช่วย ฉะนั้น ถ้าเราตั้งใจจะเรียนเต้นรำเพื่อสุขภาพ ควรจัดสรรเวลาไว้สักครึ่งชั่วโมงถึง 45 นาทีต่อครั้ง เพราะการเต้นรำ เพื่อสุขภาพนี้ต้องอาศัยช่วงจังหวะการเต้นช้า ๆ เพื่อวอร์มอัพเป็นเวลา 5-10 นาที ต่อจากนั้น จะเป็นการเต้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเผาผลาญพลังงานใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที หลังจากนั้น จะเป็นการคูลดาวน์อีก 5-10 นาที

          ข้อควรระวัง : ถ้าเริ่มต้นเต้นรำใหม่ ๆ อย่าฝืนร่างกายมากเกินไป ควรรู้ตัวว่าเราสามารถเต้นได้นานแค่ไหน แล้วค่อย ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการเต้นในภายหลัง

7.ชีพจรลงเท้า อย่างน้อยเดือนละครั้ง
          ใครที่ยังจัดสรรเวลาไม่ลงตัว เพราะมัวแต่ติดแหง็กอยู่กับงานประจำ เราอยากบอกคุณค่ะว่า การหาเวลาเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ช่วยลดความเสี่ยงโรค Burn-Out จากการทำงานได้ เพราะการท่องเที่ยวจะทำให้ร่างกายและจิตใจของเราผ่อนคลาย
          นอกจากนั้น การท่องเที่ยวยังให้ประโยชน์ด้านความทรงจำที่ดีแก่เรา เพราะการได้ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว จะทำให้เรามีความทรงจำที่แสนสุขและฝังใจไปตลอดชีวิต

          ข้อควรระวัง : ควรหาข้อมูลสถานที่ที่เราจะไปให้พร้อม ว่าจุดไหนที่อาจเป็นอันตราย หรือถิ่นนั้น มีข้อห้ามหรือข้อควรปฏิบัติอย่างไร เพื่อความปลอดภัยและอรรถรสในการเดินทาง

8.เป็นแฟนพันธุ์แท้บร็อคโคลี่ และกะหล่ำปลีสด
          ใคร ๆ ก็รู้ว่าการกินผักใบเขียว มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ถ้าเราหมั่นกินบร็อกโคลี่และกะหล่ำปลีด้วยแล้วละก็ จะยิ่งห่างไกลจากโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันรอสเวลล์พาร์คแคนเซอร์ แห่งเมืองมะกันศึกษาออกมาแล้วว่า ถ้าเราขยันกินผักสองชนิดนี้เดือนละ 3 ครั้ง จะยิ่งลดความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะลงถึง 40% เชียวล่ะ

          ข้อควรระวัง : ควรล้างผักให้สะอาดเพราะอาจปนเปื้อนยาฆ่าแมลง ฉะนั้น ควรแช่ผักด้วยน้ำเกลือสักพักแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ไม่ก็หากะละมังเล็ก ๆ ใส่น้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู พอประมาณ และล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง จะช่วยขจัดยาฆ่าแมลงออกไปได้

9.หากิจกรรมที่ไม่เคยทำ และลองทำดู
          นพ. มัยธัช สามเสน ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขเคยกล่าวไว้ว่า  นอกจากสมองของเราจะต้องคิดบวกอยู่เสมอเพื่อให้จิตใจเป็นสุขแล้ว เรายังควรให้สมองได้ฝึกทำกิจกรรมใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยทำดู เพื่อเป็นการพัฒนาระบบความจำ เช่น ลองหัดเขียนหนังสือด้วยมือซ้าย ถ้าเป็นคนถนัดขวา หรือลองไปเรียนวาดรูป ทำอาหาร ร้องเพลง เต้นรำหรือเล่นเกมฝึกสมองอย่างหมากรุก หมากฮอส หรือปริศนาอักษรไขว้ นอกจากจะทำให้มีทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แล้วยังเป็นคนที่มีความจำดีขึ้นด้วย

          ข้อควรระวัง : หากิจกรรมที่เราสนใจจริง ๆ และเป็นกิจกรรมที่ไม่โลดโผนจนเสี่ยงต่อความปลอดภัย

10.ขยันกินถั่ว
          เพราะถั่วเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน เกลือแร่ และไฟเบอร์ นอกจากนั้น ยังอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวและไม่มีไขมันทรานส์ ฉะนั้น ถ้าหมั่นกินถั่วไม่ว่าจะเป็นถั่วอัลมอนด์ ถั่วลิสง ถั่วแม็กคาเดเมีย ถั่วพิสตาซิโอ ถั่ววอลนัต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เฮเซลนัต ฯลฯ อยู่เสมอ ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้

          ข้อควรระวัง : อย่ากินถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว หรือถั่วชนิดอื่น ๆ โดยไม่ผ่านการปรุงให้สุก เพราะพืชผักชนิดนี้จะมีสารพิษอยู่ตามธรรมชาติ เมื่อเรากินสารพิษนี้เข้าไปก็จะยับยั้งการย่อยสลายสารอาหารประเภทโปรตีน ทำให้ร่างกายไม่เจริญเติบโตอย่างที่ควรจะเป็น