Friday, January 27, 2012

เครื่องประดับเยอะๆ ..ใส่แบบนี้แล้วสวย'


เอาใจสาวๆ ที่ชอบประโคมเยอะสิ่งเข้ามาในตัวค่ะ
เยอะบ้าง ใหญ่บ้าง ตามรสนิยม
ของแบบนี้ว่ากันไม่ได้ ..สวยอย่างมั่นใจ ฝึกไว้ค่ะสาวๆ
ใส่เครื่องประดับเยอะๆ ยังไงให้สวย???? นั่นสิ ทำไมตัวอย่างถึงได้สวยจัง อิอิ

โอยยยย เหนื่อย เยอะทั้งเครื่องประดับ เยอะทั้งภาพ เอิ๊กๆ

ใส่เลกกิ้งให้สวย


เลกกิ้ง ใส่ยังไงให้สวย
นาทีนี้ คงไม่ต้องแนะนำ ว่า "เลกกิ้ง" คืออะไร เพราะมีให้เลือกใส่กันเกลื่อนเมือง แถมมีลวดลายแปลกๆ อีกต่างหาก เรื่องสีสุดฮิตก็ต้องเป็นสีดำ และเทา ส่วนสีอื่นๆ สาวไทยไม่ค่อยกล้าใส่กัน ใช่ม้า..
แค่ทบทวนกันอีกนิดหน่อยว่าใส่เลกกิ้งยังไงให้สวย .. หนาวนี้เลกกิ้งหนาๆ สักตัว หาติดตู้ได้เลยจ้าสาวๆ
 เลกกิ้งกับกางเกงขาสั้น เทรนด์นี้ดูน่ารักและมีเสน่ห์ แต่เอ.. ทำไมไม่ค่อยเห็นสาว ๆ หยิบมันมาใส่คู่กันเลยนะ อ่ะๆ อันนี้ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า สาว ๆ มักจะคิดว่า ถ้าใส่ขาสั้นแล้วจะใส่เลกกิ้งเข้าไปทำไมให้ดูยุ่งยากเกินไป เลือกเอาซักอย่างดีกว่าเป็นไหน ๆ  แต่คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า การใส่เลกกิ้งกับกางเกงขาสั้นให้เก๋นั้น ไม่ยากเลยค่ะ เคล็ดลับอยู่ตรงที่กางเกงขาสั้นที่คุณเลือกมาใส่นั้น ควรจะเป็นยืนส์ขาสั้นมาก ๆ หน่อย หรืออาจเป็นกางเกงขาสั้นทรงบาน ๆ ก็เก๋ไม่น้อย แล้วคาดเข็มขัดใหญ่ ๆ เข้าไปให้ดูเด่นขึ้นมา อันนี้เหมาะมากกับสาว ๆ ที่ท่อนล่างใหญ่ หรือที่เค้าเรียกกันว่าหุ่นลูกแพร์นั่นแหละ เพราะเลกกิ้งสีดำจะช่วยพรางท่อนล่างให้ดูเพรียวขึ้นได้ เอ้า ลองดูกันค่ะ
 เลกกิ้งกับเสื้อตัวยาว ใครนะใครบอกว่าเลกกิ้งกับเสื้อตัวยาวเข้ากันไม่ได้ ขอปฏิเสธสุดใจขาดดิ้นเลยล่ะงานนี้ เพราะถ้าหากคุณรู้จักมิกซ์แอนด์แมทช์ให้มันลงตัวแล้ว มันก็เก๋ไก๋อย่าบอกใครได้ไม่แพ้กันเลยล่ะ เอ? แต่ว่าจะใส่ยังไงให้มันดูสวยนะ คำตอบง่าย ๆ ค่ะ ถ้าหากคุณอยากใส่เสื้อตัวยาวกับเลกกิ้งแล้ว ให้คุณหาเครื่องประดับชิ้นใหญ่ ๆ หรือเครื่องประดับที่มองเห็นได้ชัด มาเป็นลูกเล่นกับเสื้อตัวยาวของคุณหน่อย เพื่อให้มันไม่ดูเรียบจนเกินไป อย่างสร้อยเส้นใหญ่ ๆ ที่พาดลงมาถึงหน้าอกนั่นก็เก๋ไก๋มากมายนะคะ อ้อ และที่สำคัญ จำไว้ให้ดีค่ะว่า หากคุณใส่เสื้อตัวยาวกับเลกกิ้งแล้ว ควรใส่รองเท้าส้นสูงเพื่อเพิ่มความเรียวยาวให้ขาของคุณหน่อย คราวนี้ล่ะ ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวอวบอั๋น สะโพกใหญ่ยังไง ไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะค่ะ รับรองว่าคุณจะดูผอมลงเยอะเลยล่ะคราวนี้
 เลกกิ้งกับเสื้อตัวสั้น หรือเสื้อที่มีความยาวไม่ต่ำกว่าระดับสะโพก อันนี้ขอบอกว่าเป็นอะไรที่เข้ากั๊น เข้ากันมาก ๆ เลยค่ะคุณ ๆ เพราะมันจะทำให้เรียวขาของคุณดูยาวขึ้น และดูโดดเด่นขึ้นมาเยอะเลยล่ะ อ๊ะ ๆ แต่เห็นทีว่าจะเหมาะกับสาว ๆ ที่มีหุ่นผอมเพรียว และมั่นใจว่าสะโพกสวย ไม่มีส่วนเกินมากกว่านะคะอันนี้ ส่วนสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมั่นใจในหุ่นตัวเองเท่าไหร่ ไปดูข้อสองกันดีกว่า
 เลกกิ้งกับเดรสสั้น เปรี้ยวมากมายค่ะอันนี้ หากคุณหยิบเดรสสั้นมาใส่คู่กับเลกกิ้ง แล้วเพิ่มความเรียวยาวของขาด้วยการใส่ส้นสูง ไอเดียนี้ถือว่าเป็นการผสมความเปรี้ยวและเท่เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวเลยที เดียวล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น แฟชั่นนี้ยังเหมาะกับสาววัยทำงานด้วยอีกนะ ไม่เชื่อลองจับเดรสที่คุณใส่ไปทำงานมาใส่คู่กับเลกกิ้งดู จะพบว่านอกจากจะเพิ่มความเก๋แล้ว ยังทำให้คุณดูเป็นสาวคล่องแคล่วอีกด้วยแน่ะ
 เลกกิ้งกับคาร์ดิแกน งานนี้เหมาะสำหรับสาวทุกรูปร่างเลยล่ะ ไม่ว่าคุณจะเลือกเสื้อตัวไหนมาใส่ก็ตาม หากสวมทับเข้าไปด้วยคาร์ดิแกนซักตัว รับรองว่าดูยังไงก็ไม่ตกเทรนด์แน่นอนค่ะ 
เอาล่ะค่ะ คราวนี้ก็ลองจับเลกกิ้งของน้องๆ มามิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าสุดเก๋ของคุณดู รับรองว่างานนี้ เลกกิ้งจะช่วยเพิ่มความเปรี้ยวเท่ให้คุณได้อย่างไม่น่าเชื่อเลย 
มาดูนางแบบสวยๆ ใส่ชุดสวยๆ ให้เราดูเป็นตัวอย่างกันจ้า

Tuesday, January 24, 2012

เมื่อถูกชาวต่างชาติถามเส้นทาง ทำไงดี


เคยเป็นกันไหมค่ะ เมื่อถูกชาวต่างชาติเข้ามาถามเรื่องเส้นทาง แต่ไม่สามารถตอบได้ ทั้งทีรู้เส้นทางเป็นอย่างดี แต่ตอบไม่ได้ เนื่องจากนึกคำศัพท์ไม่ออก หรือ เรียงประโยคตำตอบไม่ได้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเจอสถานการณ์อย่างนี้ งั้นวันนี้เรามาเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้สำหรับการบอกเส้นทาง และประโยคการบอกเส้นทางง่ายๆ เมื่อถูกชาวต่างชาติเข้ามาถามเรื่องเส้นทางกันค่ะ
** คำศัพท์ **
Go straight (โกสเตรท์) – ตรงไป               Turn right (เทิรน์ไรท์) – เลี้ยวขวา
Turn left (เทิรน์เล็ฟท์) – เลี้ยวซ้าย              Right side (ไรท์ไซด์) – ฝั่งขวา
Left side (เล็ฟท์ไซด์) – ฝั่งซ้าย                  Between (บีทวีน)-อยู่ระหว่าง
Across from (อะครอสฟรอม) – ตรงข้าม      Next to (เน็กซท์ทู) – ข้างๆ
Around (อะเราน์ดฺ) – ใกล้ๆ
At the corner (แอ๊ทเดอะคอร์เนอร) – ตรงหัวมุม
**บอกเส้นทางโดยให้เดินไป
Go straight ahead as far as the traffic lights. Then turn right .
( โก สเตร้ท อะเฮด แอส ฟา แอส เธอะ แทรฟฟิก ไล้ส เธน เทิน ไร้ท )
เดินตรงไป จนถึงสัญญาณ ไฟจราจร แล้วเลี้ยวขวา
บอกจุดเริ่มต้น = You are here .
( ยู อาร์ เฮีย )
คุณอยู่ตรงนี้
When you go out of the hotel……..
( เว็น ยู โก เอ้า อ๊อฟ เธอะ โฮเทล)
เมื่อคุณออกจากโรงแรม…. จากนั้นก็ต่อด้วยข้อความต่อไปนี้
- ข้ามถนน = Cross over the road.
- เดินตรงไป = walk along the road / Walk straight on / Go straight on.
- เดินผ่านโรงเรียน = Walk pass the school / Go pass the school.
- เดินไปประมาณ 5 นาที = Walk for about 5 minutes
- สี่แยก = Intersection / crossroads
- สามแยก = Junction
- ไฟจราจร = Traffic lights
- สุดถนน = at the end of the road.
- ข้างขวา / ข้างซ้าย = on your right / left
- ติดกับโรงเรียน = next to school
- ก่อนถึงโรงเรียน = just before school
- มุมถนน = at the corner
**บอกเส้นทางโดยให้ใช้รถแท็กซี่
- You can catch a taxi / take a taxi . It will take you there in 5 minutes.
( ยู แคน แคช อะ แท็คซิ / เทค อะ แท็คซิ อิท วิวล์ เทค ยู แดร์ อิน เทน มินิทส )
คุณสามารถไปรถแท็กซี่ และจะพาคุณไปที่นั่นใน 5 นาที
**บอกเส้นทางโดยใช้รถประจำทาง
Take a number 540 bus. That’ll take you pass…(บอกสถานที่ ) and then you get off at…
(เทค อะ นัมเบอร์ 540 บัส แธทอิล เทค ยู พาสท……… แอนด์ เธน ยู เกท ออฟ แอท
ไปรถประจำทางเบอร์ 540 ก็จะผ่าน….(สถานที่) จากนั้นลงรถที่….. (บอกสถานที่)
สำนวนที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้รถประจำทาง
- ขึ้นรถ = take / catch / get on
( เทค / แคช / เกท ออน
- ลงรถ = get off.
( เกท ออฟ )
- เบอร์รถ = bus number 540 / a number 540 bus
( บัส นัมเบ่อร์ 540 / อะ นัมเบ่อร์ 540 บัส )
(ข้อสังเกต เมื่อใช้ bus number 21 จะไม่มี article ‘ a ‘ นำหน้า)
- ป้ายรถเมล์ = bus stop
( บัส สตอพ )
- รถแล่นผ่านอะไรบ้าง = It will take you pass………
( อิท วิว เทค ยู พาส ) บอกสถานที่ว่าผ่านอะไร?
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ ที่นี้ก็พอจะทราบกันแล้วใช่ไหมค่ะ   ถ้าหากกถูกถามเรื่องเส้นก็สามารถนำคำศัพท์ หรือประโยคเหล่านี้มาใช้ได้

ทำอย่างไรถึงรวย

ข้อความ : ทำอย่างไรถึงรวย
ท่านอาจถามคำถามนี้มาตลอดชีวิต รวมทั้งได้ฟังได้ยินคนอื่นบ่นมาจนนับไม่ถ้วน หลายท่านอาจจะมีคำตอบ
อยู่แล้วในใจ หนึ่งในคำตอบนั้นก็คงเป็น ทำงานให้ได้เงินเยอะๆ ซิ ผู้เขียนก็เห็นด้วย แต่อย่าลืมว่าจะ
ต้องมีประเด็นอื่นๆ มาเกี่ยวข้องด้วย แล้วอะไรหละ ที่จะทำให้ท่านรวยได้ คำตอบอยู่ที่ว่าคุณจัดการ การ
เงินของคุณเองได้ดีแค่ไหน ต่อให้คุณทำงานได้เงินมาก เท่าที่คุณต้องการ ท่านก็ไม่อาจจะรวยได้ หากไม่
จัดการเงินของคุณให้ดี



จำลองเหตุการณ์า
ลองกลับมาคิดกันดู สมมุติว่าวันนี้คุณมีเงินเดือน 20,000 บาท ผู้เขียนให้คุณเพิ่มอีก 20,000
บาท เป็น 40,000 ต่อเดือน ถามว่าคุณจะรวยขึ้นไหม คำตอบก็คือว่า ไม่ หากการใช้เงินของ
คุณยังเป็นแบบนี้ เดือนแรกคุณอาจจะเก็บเงินที่ได้เพิ่ม 20,000 บาทนั่นไว้ รวมกับเดือนที่ 2
..3 ..4 ..5 จนได้ 100,000 บาท ตอนนั้นคุณจะคิดอย่างไร ผู้เขียนขอเดาไว้เลยว่า หาก
คุณยังไม่มีรถ คุณก็คิดจะซื้อรถ หากมีอยู่แล้วก็อาจจะคิดซื้อคันใหม่ ไหนจะ ทีวีเครื่องใหม่ นาฬิกา
เรือนใหม่ มือถือรุ่นล่าสุด ฯลฯ ไม่มีที่สิ้นสุด จนสุดท้ายเงินเดือนที่ได้ 40,000 นั้นไม่พอเพราะ
รายจ่ายที่สูงขึ้น ต้องผ่อนส่งโน่น ผ่อนส่งนี่หมดไปเดือนละหลายหมื่นบาท อีกไม่รู้กี่ปีกว่าจะหมด
แล้วคุณก็จะกลับมาที่ความคิดเดิมว่า เมื่อไหร่จะรวยกับเค้าเสียที



หนทางสู่ความร่ำรวย
ทุกคนฝันถึงความร่ำรวยอย่างที่เห็นในทีวี ในหนัง บ้านหลังใหญ่ อยากจะซื้ออะไรก็ซื้อได้ การจะ
รวยได้ปุ้บปั้บยังพอมีทาง นั่นคือถูกลอตเตอรี่ หรือเล่นเกมโชว์ (เช่นเกมเศรษฐีช่อง 3 เย็นวัน
หยุดเป็นต้น) แต่จากการสำรวจพบว่า บุคคลเหล่านี้ส่วนจะกลับมายากจนอีกครั้งภายในเวลาไม่เ
กิน 5 - 10 ปี เพราะบริหารเงินไม่เป็น ได้มาง่ายก็หายไปง่าย 20 % จะหมดไปกับการแจก
ให้เพื่อนหรือญาติ ที่เหลือก็หายไปกับสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะไม่ได้เรียนรู้นิสัยของคนรวยว่
าจะทำอย่างไร อีกวิธีก็คือการเสี่ยงไม่ว่าจะตลาดหุ้นหรือลงทุนทำธุรกิจ แต่ท่านจะกล้าเสี่ยงหรือ
แล้วจะเอาเงินทุนมาจากไหน ถ้ากู้ยืมเค้ามาลงทุนหากพลาดพลั้งนอกจากไม่รวยแล้วยังเป็นหนี้อีก



แล้วจะให้ทำอย่างไรำ
ดร โทมัส สแตนลี่ ผู้แต่งหนังสือขายดี (The Millionair Next Door) พบว่าจากการ
สำรวจเศรษฐี 1000 ราย พบข้อเท็จจริงที่น่าประหลาดใจว่า คนรวยมี 2 จำพวก พวกแรกคือ
รวยทางบัญชี อีกพวกคือรวยแต่เป็นหนี้ ตอนนี้จะขอกล่าวถึงพวกแรกซึ่งน่าสนใจ จากการสำรวจ
พบว่าจะเริ่มต้นทำธุรกิจ โดยการแสวงหาโอกาส เช่นสินค้าใหม่ๆ เป็นต้น พวกเขารักงานของ
เขา มุ่งขยายงาน ไม่ใช่ขยายเงิน มีชีวิตที่เพียบพร้อมแต่ไม่เวอร์ ถึงจะซื้ออะไรมาแพง แต่ไม่
นานก็ขายไป (พร้อมทั้งได้กำไร) สรุปแล้วคือใช้จ่ายน้อยกว่ารายได้ ถึงจะเรียนไม่เก่งแต่มี
ความเชื่อมันในตัวเอง ลักษณะพิเศษคือคิดอะไรที่แตกต่างจากคนอื่น



แล้วคุณจะรวยได้อย่างไรต่ง
เอาหละคุณหรือผู้เขียนก็คงอยากรวยแบบเขา แต่ไม่กล้าเสี่ยง งานที่ทำอยู่ก็มั่นคงดี ถ้าอยากรวย
ก็เหลืออยู่วิธีเดียวนั่นก็คือ ใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ หรือพูดง่ายๆ จัดการการเงินของคุณให้ดี
ลดความอยากในสิ่งที่ไม่เหมาะกับเรา อย่าไปสนใจคนรอบข้างที่ชอบโม้ว่ามีโน่นมีนี่ คิดเสียว่าคน
พวกนี้มีทรัพย์พร้อมปัญหา วิธีแก้ปัญหาของพวกเขาคือการได้มาโม้ให้คนอื่นฟัง ถือเป็นโรคจิต
ประเภทหนึ่ง ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเราเอง มุ่งมั่นกับงานของเราเพื่ออนาคตที่มั่นคง หักห้ามใจ
ตัวเอง แล้วดำเนินการดังนี้



เริ่มวางแผนชีวิตพร้อมแผนการเงินเสียตั้งแต่วันนี้
เริ่มคิดวันนี้เลย อย่าเลื่อนไปอีกวัน จนไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อไหร่ หากทุกวันนี้คุณยังควบคุมรายจ่ายตั
วเองไม่ได้ ต่อให้ได้เงินมากแค่ไหนก็ไม่มีวัน รวย ลองถามคนที่คุณรู้สึกว่าเค้ารวยกว่าซิว่า เค้า
บริหารการเงินอย่างไร ความร่ำรวยไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน ต้องใช้เวลาและความพยายามของคุณ
คุณอาจจะรู้สึกเสียดายว่าในอดีตน่าจะตั้งใจเรียน จะได้เรียนสูงๆ จบแล้วทำงานได้เงินเยอะ
แยะ คุณจะย้อนไปแก้ไขไม่ได้แล้ว แต่ถ้าคุณอยากรวย คุณทำได้ไม่ต้องย้อนอดีต เพราะมันคือ
อนาคตของคุณ เงินเดือนไม่ค่อยพอใช้ สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา จะรู้สึกว่าเงินเดือน
ออกมาไม่กี่วัน จ่ายค่าโน่นค่านี่จนหมดเกลี้ยง เหลือเงินติดกระเป๋าไม่กี่ร้อย แล้วจะใช้พอถึงสิ้น
เดือนหรือเปล่าละเนี่ย ไม่ว่าคุณจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกว่าไม่เคยพอเสียที ตั้งหน้าตั้ง
ตารอเงินเดือนขึ้นปลายปี พอเงินเดือนขึ้นแล้ว ก็ไม่ทราบว่าหายไปไหนหมด แล้วเงินเดือนเท่า
ไหร่ถึงจะพอกันละเนี่ย



จำลองเหตุการณ์้
สมมุติว่าวันเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมาหัวหน้าเรียกคุณไปพบ แล้วบอกว่าบริษัทย่ำแย่ ต้องลดเงิน
เดือนพนักงานทุกคนลงครึ่งหนึ่ง คุณก็โอดครวญกับหัวหน้าอยู่พักใหญ่แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับชะตากร
รม ดีกว่าต้องตกงาน ผู้เขียนขอถามว่าท่านจะอยู่ได้ไหม เงินเดือนคุณจะพอใช้ไหม คุณจะอยู่รอด
ไหม



อยู่ได้หรือไม่มื่อ
หลายๆ ท่านก็จะมีคำตอบออกมาว่า ยังไงๆ ก็ต้องอยู่ได้ละ (ว่ะ) แล้วท่านก็จะหันมากดเครื่อง
คิดเลขกันอุตลุตว่า อะไรที่จำเป็นต้องจ่ายจริงๆ อะไรที่จำเป็นต้องตัดทิ้ง ถือว่าฟุ่มเฟือย เป็นต้น
ท่านก็อาจจะต้องทานข้าวนอกบ้านน้อยลง KFC PIZZA HUT หรือแม้แต่ร้านอาหารในศูนย์การค้า
ก็อาจจะไม่ใช่ที่นัดหมายรอใครอีกต่อไป มือถือก็อาจจะขอระงับชั่วคราวเพราะปกติคุณก็ไม่ค่อยจะ
มีใครโทรหาคุณอยู่แล้ว และไปใหนไกล้ๆ ก็วิ่งขึ้น ปอ. ดีกว่าค่าน้ำมันก็ไม่ต้องต้องจ่าย ไม่ต้อง
หาที่จอดรถให้เมื่อยแขน เสื้อตัวใหม่ที่เล็งๆ ไว้ก็เว้นไปก่อน เงินที่ส่งให้ที่บ้านก็ลดลงไป ตามสัด
ส่วน และอื่นๆอีกเยอะแยะ สุดท้ายคุณจะพบว่าคุณก็อยู่รอด เงินเดือนที่ได้นั้นนับว่าพอเพียงที่จะดำ
เนินอยู่ได้ เพียงแต่คุณรู้สึกว่าถ้าอยากจะซื้ออะไรแล้วซื้อแบบเมื่อก่อนนั้นทำไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าที่
เคยเดินซื้อตามในห้าง ก็ต้องหันมาซื้อตอนเค้าจัดโปรโมชั่น หรือไม่ก็นั่งรถไปเลือกซื้อแถวหน้ารา
ม (สำหรับคุณสุภาพสตรี) ชุดทำงานชุดหนึ่งไม่ถึง 800 บาท แต่ดูดีเหมือนซื้อมาจากห้างเลย
(ไม่มีใครเค้ามาแบะคอเสื้อคุณแล้วขอดูยี่ห้อหรอก - ยกเว้นคุณจะเป็นประเภทชอบอวดมาก่อน)
ระหว่างนั้นคุณก็คิดหางานใหม่ หรือตั้งตารอเศรษฐกิจที่ไม่ยอมฟื้นซะที แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าเงิน
เดือนคุณกลับมาเหมือนเดิม คุณก็รู้สึกว่าไม่พออยู่ดี



แล้วถ้าตอนนี้ไม่พอจะทำอย่างไร
คำตอบง่ายๆคือคุณต้องจัดการตัวคุณเอง จัดการเรื่องเงินให้เป็นนิสัย ดึงกระดาษเปล่าออกมา 1
แผ่นพร้อมปากกา แล้วหาเครื่องคิดเลขมา แล้วเขียนรายรับ (เงินเดือนหนึ่งละ) แล้วก็รายจ่าย
ในเดือนหน้า (ต้องเขียนให้หมดว่าคุณต้องจ่ายอะไรบ้าง) ติดตามอ่านรายละเอียดได้จากการทำ
งบการเงิน สุดท้ายคุณจะพบว่าคุณจะมีเงินเหลือหรือขาดไปเท่าไหร่ อยากให้คุณลองทำดู เพราะ
คุณอาจจะไม่เคยทำ ตอนร่ำเรียนมานั้นคุณต้องทำรายงานส่งอาจารย์ จากตัวเลขวาดเป็นกราฟ
ต่างๆ นาๆ แลกกับคะแนน ตอนนี้ก็ลองทำรายการต่างๆ ให้เป็นกราฟแท่งบ้าง กราฟเส้นบ้าง
(เทียบรายจ่ายแต่ละหมวดเดือนต่อเดือนเป็นต้น) คุณอ่านเว็บเพจนี้ได้คุณก็ต้องมี Execel หรือ
Spread Sheet อยู่บนเครื่องคุณ ใช้ให้เป็นประโยชน์ หัวหน้าผ่านไปมาจะรู้สึกว่าคูณตั้งใจทำงา
น ไม่มัวแต่ chat ICQ อยู่ คุณจะเห็นรายจ่ายบางอย่างที่ไม่จำเป็น บางอย่างก็สูงเกินไป ปรับ
ลดลงตามความเป็นจริงให้สมกับสถานะของคุณ คุณจะพบว่าคนที่มีเงินเดือนสูงก็ต้องมีรายจ่ายสูง
คนที่มีเงินเดือนน้อยรายจ่ายก็น้อย เพื่อรักษา LifeStyle ของแต่ละคน ขอเพียงแต่อย่ามี
LifeStyle เกินตัวเอง การที่ใครร่ำรวยในวันนี้ มีบ้าน มีรถ ไม่ใช่ว่าเค้าจะร่ำรวยจริงไปเสี
ยทั้งหมด หลายๆ คนร่ำรวยจากการนำเอารายได้ ในอนาคตมาใช้ก่อนแล้วจ่ายค่าธรรมเนียม
(ดอกเบี้ย) ไปเพื่อความสะดวกสะบายอันนั้น มันเป็นความเสี่ยงอีกประเภทหนึ่ง ถ้าหากวันในคน
ผู้นั้นไม่มีรายได้ทุกอย่างของเขาก็ต้องหายไป (ยกเว้นประเภทที่พ่อแม่หรือญาติมาช่วย)



บทสรุป
คุณจะพบว่าเงินเดือนของคุณความจริงแล้วนั้น พอ เพียงแต่ความอยากได้ทำให้มันไม่พอ อาจจะ
มากกว่าพอด้วยซ้ำ ให้คุณลองมองไปยังคนอื่นๆที่อายุรุนราวคราวเดียวกับคุณว่าเค้ามีอะไรบ้าง
คุณจะพบว่าคนที่อยู่บ้านหลังใหญ่นั้นอายุจะมากๆ กันทั้งนั้น คนที่ขับเบนส์ก็ไม่ค่อยมีหนุ่มๆ ถ้ามีก็จะ
เป็นรถที่ยืมพ่อมา หรือรถที่ซื้อในนามบริษัท (กู้เงินมา ถ้าบริษัทเจ้งรถก็ไม่มี) คนเหล่านี้สมัยที่
เค้าอายุเท่าคุณเค้าลำบากกว่าคุณอีก แต่เค้ารู้จักการบริหารการเงิน คุณทำงานควบคุมคนอื่นๆ
ได้ แต่ทำไมควบคุมตัวเองไม่ได้ เพราะฉะนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เพื่ออนาคตของคุณเองอน



ทำไมคนอื่นถึงรวยกว่าเรา
เวลามองดูคนรอบข้าง ท่านอาจจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นจน กว่าคนอื่น รถก็ไม่มี บ้านก็เช่าอยู่ แล้ว
ทำไมคนนั้นถึงรวยกว่า ทำไมคนนี้มีรถบีเอ็มขับ บทความชิ้นนี้คงจะช่วยให้คุณได้มองภาพให้กระจ่า
งขึ้น และมีกำลังใจต่อสู้ต่อไปุ



จำลองเหตุการณ์บ
นายหนึ่ง เพื่อนเจ้านายเราขับรถ sport มาทำงานทุกวัน วันก่อนจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านเชิญเราไป
ด้วย บ้านใหญ่กว่าบ้านทรายทองเสียอีก เค้ารวยจน(น่า)อิจฉา แล้วเค้าทำได้ไงน้า ทำไมเค้า
รวยจัง



ประเภทของความร่ำรวยา
ความร่ำรวยนั้นได้มาหลายวิธีด้วยกัน คือ
1. ร่ำรวยจากมรดก
2. ร่ำรวยจากการค้าขายทำธุรกิจ
3. ร่ำรวยจากการกู้ยืม
4. ร่ำรวยจากการฉ้อโกงย
ข้อ 1 นี่คงจะพูดได้ไม่มาก หลายคนถือว่าเป็นบุญ สาเหตุเพราะรุ่นก่อนทิ้งไว้ให้ แต่ถ้าจัดการไม่
ดีก็มีสิทธิ์ กลับมายากจนได้เช่นกัน
ข้อ 2 นี่คือเขาสร้างขึ้นมาเอง อาศัยความเสี่ยง และความคิดที่แตกต่าง อย่าไปคิดอิจฉาว่าเค้า
สร้างอาณาจักรการค้าได้อย่างไร ทำไมเราไม่ทำแบบเค้าบ้าง ให้ลองกลับไปมองนักธุรกิจที่ผิดพ
ลาดด้วย คนรวยหนึ่งคนอาจจะโผล่มาจาก คนที่ล้มเหลวทางธุรกิจอีกเป็นสิบๆ คน ภาพที่ออกมา
ไม่เคยบอกว่าเพื่อนที่ทำธุรกิจมาด้วยกันนั้น ล้มไปกี่คนจึงจะมีผู้ร่ำรวยคนนี้ เพราะฉะนั้นคิดให้ดี
อย่าคิดอยากทำอย่างเขา หรืออิจฉาเขาเลย เพราะคุณอาจจะล้มไปเสียก่อนก็ได้ คนที่รอดคือคน
รวยมันก็แค่ statistic คุณยังรวยกว่าคนจนอีกเป็นล้านๆ คน
ข้อ 3 คือคนที่เราพบเห็นเป็นส่วนมาก เหมือนเพลงคาราบาวคือเศรษฐีเงินผ่อน (อาจจะเกี่ยว
เนื่องกับข้อ 2) ความร่ำรวยที่เกิดขึ้นคือภาพลวงตา เขาอาจจะมีเครดิตดี หรือมีเพื่อนพ้องในวง
การธนาคาร กู้ยืมเงินมาลงทุน บางส่วนก็เอามาซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าบุคคลเหล่
านี้ทุกลมหายใจ จะมีแต่คำว่าหนี้ อยากมีชีวิตที่สะดวกสะบาย (ทางกายภาพ) แต่ก็ต้องมีหนี้
(บาปทางใจ) ถ้าเศรษฐกิจทรุด หรือออกจากงาน ก็จนในพริบตา ลองถามเพื่อนคุณดูว่า ถ้าหัก
ลบทรัพย์สินที่มีอยู่ กับหนี้ที่มีจะเหลือเท่าใหร่ คุณอาจจะพบว่าคุณมีมากกว่าเขาด้วยซ้ำ
ข้อ 4 นี่ไม่ต้องพูดถึง ร่ำรวยแต่กาย แต่ในใจรุ่มร้อน กลางคืนนอนไม่หลับกลัวจน กลัวถูกจับได้
กลัวถูกสอบสวน อยากจะเป็นอย่างเขาหรือเปล่า อยู่สบายๆ ไม่เป็นหนี้ใคร แต่นอนหลับฝันดี น่า
สนใจกว่าืม



บทสรุป่
สรุปแล้วท่านอยากเป็นคนรวยประเภทไหน รวยมากแต่มีหนี้สินเยอะ สุดท้ายต้องวิ่งหนีหนี้ สูญเสียทุกอย่าง
หรือจะอยู่แบบสบายๆ สะสมเงินทองไปเรื่อยๆ รำรวยในความสุข พอมีพออยู่ ชีวิตมีรสชาด มีความหวัง
อย่าไปอิจฉาลูกเศรษฐี หากไม่มีสมบัติดั้งเดิม บุคคลเหล่านั้นก็ไม่ได้ดีไปกว่าคุณหรอก คุณอาจจะเก่งกว่า
ด้วยซ้ำ ขอเพียงคุณจัดการชีวิตการเงินของคุณให้ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว 

Sunday, January 22, 2012

"หิวบ่อย" อาการนี้เกิดขึ้นจริง หรือคิดไปเอง

หนึ่งในแพลนที่หลายคนตั้งใจว่าจะทำให้ได้ในปีนี้ก็คือ "ตั้งใจว่าจะต้องลดน้ำหนักให้สำเร็จ" ... ร้อยละ 99.99 พี่เหมี่ยวเชื่อว่าการลดน้ำหนักเป็นสิ่งที่หลายคนคิดจะเริ่มทำอยู่หลายครั้งในรอบหนึ่งปี แต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จ เพราะแพ้ภัยความอยากของตัวเอง เห็นของกิน ขนมกรุบกรอบ ทีไรเป็นต้องอดใจไม่ไหวเป็นต้องหยิบใส่บางเคี้ยว กรอบๆๆๆ สบายใจ (ลืมไปว่า ลดความอ้วนอยู่!!!)

เด็กดีดอทคอม :: "หิวบ่อย" อาการนี้เกิดขึ้นจริง หรือคิดไปเอง     บางคนตั้งข้อสังเกตว่ายิ่งเราตั้งใจว่าจะลดน้ำหนักและควบคุมอาหารมากเท่าไหร่ ความอยากยิ่งทวีคูณมากขึ้นเท่านั้น ทั้งๆ ที่พยายามกินข้าวให้อิ่ม ครบมือตรงเวลา แต่พอถึงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเวลาอาหารก็ยังรู้สึกหิวบ่อยๆ จนบางครั้งอดใจไม่ไหว ต้องไปกินๆๆๆๆๆ จนน้ำหนักตัวพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีวี่แววมาจะลดลงได้เลย หลายคนบอกว่าซื้อเสื้อผ้าใหม่ยังง่ายกว่าให้ลดน้ำหนักเสียอีก -*-

      โถ! อย่าเพิ่งถอดใจไปสิคะ พี่เหมี่ยวจะบอกให้นะคะว่า เจ้าอาการหิวไม่เป็นเวลา รู้สึกอยากกินโน่นกินนี่ตลอดเวลา จริงๆ แล้วไม่ใช้อาการหิวจริงๆ หรอกค่ะ แต่เป็นอาการหิวหลอกมากกว่า โดยสาเหตุของอาการหิวหลอกที่ทำให้เราไม่รู้ตัวนั้นอาจจะมาจาก

       หิวเพราะกระหายน้ำ หลายคนเหมารวมอาการนี้ไปกับความอยากกินขนมกรุบกรอบและอาหารหนักๆ ต่างๆ ซึ่งเราควรแก้ไขให้ตรงจุดโดย ถ้าหากรู้สึกว่าเริ่มหิวนอกมื้ออาหารขึ้นมาเมื่อไหร่ ให้ลองดื่มน้ำเปล่าดูสักแล้ว แล้วความอยากก็จะลดลงค่ะ

      หิวเพราะเห็นอาหารน่ากิน กิเลส ล้วนๆ เลยค่ะ บางทีนั่งเล่นเฟซบุ๊คอยู่ดีๆ เพื่อนก็แชร์รูปอาหารมาให้ดูเท่านั่นล่ะค่ะ ต่อมความอดทนก็แตกพ่ายต่อภาพอาหาร จนทำให้เราต้องเดินไปหาอะไรมาใส่ปากแก้อยากจนได้ หรือบางทีแค่เห็นของกินที่ชื่นชอบมาวางอยู่ใกล้ๆ ก็อดใจไม่ไหวที่จะหยิบใส่ปาก -*- 

       หิวเพราะอารมร์เสีย "โอ๊ย อารมณ์ไม่มีแบบนี้ต้องหาอะไรมากระแทกปากซักหน่อยแล้ว!!!" คำพูดนี้ได้ยินบ่อยมากถึงมากที่สุด หลายคนกินว่าการกินจะช่วยให้ผ่อนคลายได้ แต่จริงๆ แล้ว ที่โกรธแล้วต้องกินเยอะๆ นั้น อาจเป็นแค่ทางออกหนึ่งในการระบายอารมณ์ให้หายหงุดหงิดก็เป็นได้
เด็กดีดอทคอม :: "หิวบ่อย" อาการนี้เกิดขึ้นจริง หรือคิดไปเอง


       หิวเพราะปาร์ตี้ เวลาต้องไปพบปะปาร์ตี้กับเพื่อนๆ กิจกรรมอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้นั่นก็คือการชวนกันไปนั่งกินอะไรอร่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าในสถานการณ์นั้นเราก็จะต้องโอเคเซย์เยสไปกับเพื่อนๆ อยู่แล้ว ยิ่งกินไปเม้าท์ไปยิ่งเพิ่มอรรถรสในการกินเข้าไปใหญ่ มารู้ตัวอีกที อุ๊ยตาย! ตัวจะแตกแล้ว -*- 


     อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่เราจะเหมารวมว่าเป็นอาการหิว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกค่ะมันเกิดจากความอยากกินของเราเองมากกว่า ดั้งนั้น เมื่อเวลารู้สึกว่าหิวนอกมื้ออาหารเมื่อไหร่ ให้เราพยายามข่มใจเข้าไว้ ใช้ความอดทนให้ถึงที่สุด ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวจริงๆ ก็หยิบผลไม้ (ที่น้ำตาลน้อยๆ) เข้าปากไปสักชิ้นสองชิ้นพอให้ความอยากลดลงยวิธีนี้ก็สามรถช่วยได้ค่ะ ...ท่องจำให้ขึ้นใจนะคะว่า ถ้าไม่อยากอ้วน ก็อย่ากินนอกมืออาหาร เด็ดขาดค่ะ!!

Saturday, January 21, 2012

8 อาหารไดเอทที่คุณอาจเข้าใจผิด


15 อาหารไดเอทที่คุณอาจเข้าใจผิด


อาหารหรือของว่างหลาย ๆ จานดูแล้วเหมือนจะเป็นอาหารที่เหมาะกับสาว ๆ ไดเอท  แต่เบื้องหลังของมัน อาจมีอะไรที่เราคิดผิดก็เป็นได้  และนี่คืออาหารที่หลายคนเชื่อว่า เป็นอาหารสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม!!!




1. ซีซาร์ สลัด 
หลายคนเข้าใจว่า "สลัด" คือ อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคนต้องการไดเอท  แต่ เลสลีย์ บอนซี นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัย พิตต์เบิร์ก กลับบอกว่า ซีซาร์ สลัด เพียงถ้วยเล็ก ๆ ยังให้พลังงานมากถึง 300-400 แคลอรี แถมยังมีไขมัน 30 กรัมอีกต่างหาก ซึ่งไขมันนั้นก็มาจากน้ำสลัดนั่นเอง
คำแนะนำ :  ถ้าชอบทานซีซาร์ สลัด ให้ใส่น้ำสลัดเพียง 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น ส่วนพาเมซานชีสใส่ลงไปแค่ 2 ช้อนโต๊ะก็พอ 





2. สมูทตี้ 
ไม่ดีแน่ค่ะ ถ้าคุณผสมเบอร์รี่ลงในเครื่องปั่นพร้อมกับวิปปิ้งครีม 80 กรัม เพราะสมูทตี้ถ้วยนี้ จะให้พลังงานถึง 350 แคลอรีเลยทีเดียว แถมยังไม่มีโปรตีนอีกต่างหาก หรือบางถ้วยอาจจะผสมซอร์เบท ไอศกรีม และน้ำตาลเทียมเข้าไปอีก ซึ่งทำให้เครื่องดื่มถ้วยนี้ไม่ต่างไปจากมิลค์เชกเลย
คำแนะนำ :  สั่งสมูทตี้แก้วเล็ก ๆ แต่เลือกส่วนผสมที่มีผลไม้สด โยเกิร์ตไขมันต่ำ นม หรือโปรตีนอื่น ๆ ในแก้วนั้น จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารมากขึ้นค่ะ 





3. ซูการ์ฟรี 
ฟังดูเหมือนจะดีใช่ไหมล่ะ สำหรับอาหารที่ติดป้ายว่า "ซูการ์ฟรี" หรือ "ไม่มีน้ำตาล" แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ผลิตจะเลือกใส่สารให้ความหวานที่สังเคราะห์ขึ้นมาแทนน้ำตาลลงไปในอาหาร หรือเครื่องดื่มเหล่านั้นแทน ซึ่งหากคุณสาว ๆ ทานเข้าไป ก็ไม่ต่างไปจากการทานมันฝรั่งทอดไซส์บิ๊ก หรือของหวานจานใหญ่เลยทีเดียว โดยมันฝรั่งทอดจะให้พลังงานสูงถึง 300 แคลอรี ถ้าหากคุณกำจัดพลังงานส่วนนี้ออกได้ไม่หมด รับรองว่า ความอ้วนมาเยือนอย่างไม่ต้องสงสัย
คำแนะนำ : สำรวจปริมาณแคลอรีในแต่ละวันที่คุณบริโภคเข้าไป แล้วหาทางกำจัดมันออกซะ 





4. นมพร่องมันเนย 
"นมพร่องมันเนย" ที่มีไขมันเพียง 1-2% ฟังดูแล้วเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากกว่า "นมสดธรรมดา" ที่มีไขมันประมาณ 3.25% แต่จริง ๆ แล้ว นมพร่องมันเนยที่ว่า ก็มีไขมันอิ่มตัวไม่ต่างไปจากนมสดเท่าไหร่ ลองเปรียบเทียบระหว่าง นมพร่องมันเนยหนึ่งแก้ว กับนมสด และนมไขมันต่ำหนึ่งแก้ว จะพบว่า
- นมสด 1 แก้ว (ไขมัน 3.25%) ให้พลังงาน 150 แคลอรี ไขมัน 8 กรัม ไขมันอิ่มตัว 5 กรัม
- นมพร่องมันเนย (ไขมัน 2%) ให้พลังงาน 130 แคลอรี ไขมัน 5 กรัม ไขมันอิ่มตัว 3 กรัม
- นมไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน (หางนม) ให้พลังงาน 80 แคลอรี ไขมัน 0 กรัม ไขมันอิ่มตัว 0 กรัม
คำแนะนำ :  ถ้าคุณชอบทานนมสด แต่ไม่อยากได้รับไขมันมากเกินไป ลองผสมนมสดกับนมพร่องมันเนย 2% แล้วดื่มดู ถ้าดื่มได้แล้ววันหลังลองเปลี่ยนเป็นนมสดผสมกับนมพร่องมันเนย 1% และสุดท้ายค่อยเปลี่ยนเป็นทานนมไขมันต่ำตามลำดับ 





5. กาแฟลาเต้ 
แม้ว่าคุณจะใช้นมพร่องมันเนยในกาแฟลาเต้ของคุณ แต่หากคุณยังตบท้ายด้วยวิปครีมบนหน้ากาแฟ กาแฟแก้วนี้ก็ยังให้พลังงานสูงถึง 580 แคลอรี และมีไขมันอิ่มตัวถึง 15 กรัมต่อช็อกโกแลตมอคคา 20 ออนซ์ (567 กรัม) อีกต่างหาก แน่นอนว่า พลังงานของกาแฟแก้วนี้เลวร้ายกว่ากันชีสเบอร์เกอร์ 1/4 ชิ้นเสียอีก
คำแนะนำ :  หากขาดลาเต้ไม่ได้ แนะนำว่า ควรใช้หางนมผสมแทน และห้ามใส่วิปปิ้งครีม ซึ่งจะช่วยลดพลังงานลงไปได้ถึง 130 แคลอรี และลดไขมันตัวร้ายลงไปได้อีกประมาณ 2 ใน 3 (แต่จริง ๆ ก็ยังเป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานมากอยู่ดีนะจ๊ะ)





6. มัฟฟิน 
หลายคนเลือกทาน "มัฟฟิน" เป็น อาหารเช้า เพราะเมื่อเทียบกับโดนัทแล้วอาจจะดูดีกว่า แต่รู้ไหมคะ จริง ๆ มัฟฟินก็มีน้ำตาลผสมอยู่ในแป้งเค้กที่ใช้ทำมัฟฟินไม่น้อยเลยล่ะ โดยมัฟฟิน 1 กล่อง ให้แคลอรีได้ถึง 500 แคลอรี กับน้ำตาลอีก 11 ช้อนชา
คำแนะนำ :  ถ้าอยากทานมัฟฟินจริง ๆ ก็คงต้องเดินหามัฟฟินที่ระบุไว้ชัดเจนเลยว่าจำกัดปริมาณแคลอรี หรือไม่ก็หามัฟฟินที่ทำให้โฮลเกรนจะดีกว่าค่ะ 





7. โยเกิร์ตไขมันต่ำ 
ไม่น่าเชื่อว่า โยเกิร์ตไขมันต่ำ ก็ติดโผอาหารที่คนเข้าใจผิดว่าทานแล้วผอมกับเขาด้วย นั่นก็เพราะโยเกิร์ตไขมันต่ำบางแบรนด์เติมน้ำตาลฟรักโตส ซูโครส และน้ำตาลเทียมลงไปมากกว่า 30 กรัม โดยที่คนไม่ค่อยสนใจจะอ่านฉลาก เพราะเห็นป้าย "ไขมันต่ำ" ก็เผลอหยิบใส่ตะกร้าทันทีเลย
คำแนะนำ :  รู้ไหมว่า หากคุณเลือกทานโยเกิร์ตไขมันต่ำ 6 ออนซ์ (ประมาณ 170 มิลลิลิตร) คุณอาจได้รับน้ำตาลถึง 20 กรัม และพลังงานอีก 90-130 แคลอรีอย่างไม่ตั้งใจ ฉะนั้น หลีกเลี่ยงน้ำตาลง่าย ๆ ด้วยการทานโยเกิร์ตไร้ไขมัน และไม่ผสมผลไม้ 





8. มัลติเกรน 
เวลาที่คุณเห็นป้าย "มัลติเกรน" หรือ "เซเว่นเกรน" บนถุงขนมปัง พาสต้า หรือวาฟเฟิล ขอให้คุณลองพลิกถุงอ่านฉลากที่เขียนบอกเรื่องสารอาหารให้แน่ใจเสียก่อนค่ะ เพราะบางทีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้นอาจทำมาจาก  ธัญพืชที่ผ่านการขัดสีแล้ว อย่างเช่นแป้งขัดขาวเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะขัดเอาไฟเบอร์ และสารอาหารดี ๆ ออกไปเกือบหมดแล้ว
คำแนะนำ : มองหาผลิตภัณฑ์ที่เขียนว่า "โฮลเกรน 100%" หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า มีไฟเบอร์มาก ๆ แทน

Cookies story


 





















--------------------

สิ่งสำคัญ 4 ประการ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ
1. ก้อนหิน.. เมื่อได้ขว้างออกไปแล้ว !
2. คำพูด.. เมื่อได้พูดออกไป !
3. เวลา.. เมื่อหมุนผ่านพ้นไป !
4. โอกาส.. เมื่อได้สูญเสียมันไปแล้ว !