Sunday, April 15, 2012

วิธีดูแลผิว วันสงกรานต์


………..เมษาฯ นี้ ใครมีโปรแกรมไปเที่ยวบ้างยกมือขึ้น…..ระหว่างการสนุกสนานกับสาดน้ำฉ่ำเย็น ก็อย่าละเลยผิวเชียวนะคะ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงและผิวบอบบางของคุณสาวๆ ขณะที่โดนสาดหรือสาดเขาก็ชุ่มฉ่ำดีหรอก แต่พอหมดเทศกาล ผิวลอกแสบและดำไหม้เกรียมกันเป็นแถว
…………วิธีการดูแลผิวที่สู้ลมสู้แดดวันสงกรานต์ก็ง่ายแสนง่ายค่ะ และไม่จำเป็นต้องซื้อโลชั่นแพง ๆ เอาแค่ของใกล้ตัวในครัว ในบ้านก็สู้โลชั่นขวดละหลายร้อยได้ค่ะ
1. ดินสอพอง เป็นคู่กับงานสงกรานต์อยู่แล้ว หลายคนรู้จักดินสอพองเพียงว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์การเล่นสงกรานต์ให้สนุก แต่แท้จริงแล้วคุณสมบัติชั้นเลิศ ดินขาวตัวนี้มีสารอาหารธรรมชาติสูง เพราะเป็นดินที่เกิดในบริเวณที่มีการสะสมของธาตุอาหารสูงเป็นร้อย ๆ ปี คนโบราณจึงนำมาผลิตเป็นเครื่องประทินผิวเรียกว่า ‘กระแจะแป้งร่ำ’ นอกจากนั้น ในตำรับยาโบราณ เนื่องจากมีฤทธิ์เย็นนี่เอง ในฤดูแดดแรงนี้เอง ถ้าประไว้ตามตัวก็จะเป็นการช่วยลดอุณหภูมิให้กับผิวและช่วยป้องกันแดดได้เป็นอย่างดี
สูตร ผสมกับน้ำมะขามเปียกหรือมะนาวไว้ขัดผิวให้ขาวกระจ่าง แต่ถ้าเป็นคนผิวแห้งและยิ่งโดดแดดซ้ำ ก็ต้องเพิ่มความนุ่มเนียนชุ่มชื่นโดยนำดินสอพองผสมกับน้ำผึ้งพอประมาณ ผสมน้ำสะอาดอีกนิดหน่อย กวนให้เข้ากันและใช้พอกผิวไว้สัก 30 นาทีก่อนล้างอออกและอาบน้ำตามปกติ อาจเปลี่ยนจากน้ำผึ้งเป็นน้ำนมถั่วเหลือง นมสด หรือน้ำมันมะกอกก็ได้นะคะ เพื่อที่ผิวเราจะได้อาหารต่าง ๆ กัน ระหว่างที่อยู่นอกบ้านและรื่นเริงกับการสาดน้ำก็อาจประดินสอพองไว้ตามเนื้อตัวแค่บาง ๆ แต่พอหมดวัน ลองใช้ดินสอพองพอกผิว ขัดผิวดูนะคะ
2. น้ำมันมะพร้าว สำหรับการใช้เพื่อประทินผิว ก็ง่ายแสนง่ายค่ะ ไม่ต้องผสมอะไรเลย แค่รินใส่ขวดเล็ก ๆ พกติดตัวไว้ช่วงสงกรานต์นี้ และคอยชโลมผิวตัวเอง ญาติมิตรและคนร่วมขบวนสงกรานต์เป็นระยะ ๆ น้ำมันมะพร้าวเป็นมอยส์เจอไรเซอร์อย่างดี และจะให้ดีควรเลือกน้ำมันมะพร้าวแบบบเย็นเพราะมีวิตามินอีสูง จะลูบไล้ผมด้วยก็ได้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม แล้วก็ยังสามารถใช้เป็นสูตรบำรุงผิว บำรุงผมได้ โดยหลังอาบน้ำเสร็จ หยดน้ำมันมะพร้าว 2-3 หยด ลูบไล้ให้ทั่วเนื้อตัว หากใช้ชโลมหนังศีระษะ จะช่วยแก้ปัญหาเชื้อราอันเป็นต้นเหตุของรังแคได้ด้วย เท่านี้เองจริงๆ ก็จะเป็นการดูแลทั้งเรือนร่างในช่วงหน้าร้อนนี้
3. น้ำมันมะกอก ถ้ามีอยู่แล้วในครัวก็แบ่งใส่ขวดเล็ก ๆ พกไว้ แต่ถ้าไม่มี หาน้ำมันมะกอกที่วางจำหน่ายในร้านขายยาบ้านเราก็ได้ค่ะ ราคาหย่อประมาณ 20 บาท แม้จะดูบ้าน ๆ แต่หลายคนบอกปากต่อปากว่าใช้ได้ผลดี ใช้ชโลมผิว ชโลมผมได้ทั้งก่อนออกแดด และหลังแดด ซึ่งในน้ำมันมะกอกมีโครงสร้างเคมีคล้ายกับน้ำมันที่หล่อเลี้ยงผิวของคนเรา จึงซึมซาบลงสู่ผิวได้อย่างดีแลช่วยอุ้มความชุ่มชื้นไว้ วิตามินอียังในน้ำมันมะกอกป้องกันรังสียูวี และช่วยลดการเกิดออกซิเดชั่นตามธรรมชาติอันเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า และจุดดำ
……………แต่ทั้งหมดนี้ ต้องหมั่นสังเกตตนเองด้วยค่ะ อย่าเดินตามที่เขาว่าไปทั้งหมด ก็เหมือนเครื่องสำอางที่โฆษณาว่าดีแสนดี แพงแสนแพงแต่บางคนกลับไม่ถูกโฉลกเอาเสียเลย บางครั้ง คุณไม่แพ้ แต่เจ้าตัวเล็กหรือคุณพ่อบ้านอาจจะแพ้ก็เป็นได้ค่ะ ถึงพระอาทิตย์จะแผดความร้อนมาให้อย่างไม่ปราณี แต่ทุก ๆ ปีก็จะเห็นบรรยากาศเบิกบานกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

Sunday, April 8, 2012

เคล็ดลับเลือก “ยีนส์” อำพรางหุ่น..ดึงดูดใจ


เคล็ดลับเลือก “ยีนส์”  อำพรางหุ่น..ดึงดูดใจ
jean
“กางเกงยีนส์” เป็นเพื่อนคู่ใจของสาว ๆ ที่พร้อมลุยไปไหนต่อไหนด้วยกันได้ทุกที่ ทุกสถานการณ์ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมชกับเสื้อผ้าได้ หลายแนว ทั้ง เปรี้ยวจี๊ด แนวเซอร์ มาดเท่ห์ เรียบเก๋ มีสไตล์  สะดวกในการสวมใส่และง่ายต่อการดูแลรักษา แต่โครงสร้างทางสรีระของผู้หญิงแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การเลือกซื้อกางเกงยีนส์ จึงเป็นสิ่งสำคัญ 
ลีลานุช กมลวิศิษฏ์  ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฮาร่า (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่นยีนส์ แบรนด์ “ฮาร่า”  แนะนำเทคนิคดี ๆ ในการเลือกซื้อกางเกงยีนส์ เพื่ออำพรางรูปร่าง ดังต่อไปนี้
- กางเกงยีนส์กับผู้หญิงบั้นท้ายใหญ่สำหรับ ผู้หญิงที่มีบั้นใหญ่นั้น ควรเลือกกางเกงยีนส์ที่มีตะเข็บหลัง หรือมีการเล่นลายของตะเข็บหลังที่ยาวลงมา ซึ่งจะช่วยในการซ่อนบั้นท้ายของสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี และทำให้ขาดูผอมเพรียวยิ่งขึ้นด้วย ไม่ควรใส่กางเกงยีนส์ที่ไม่มีกระเป๋าหลัง เพราะจะเป็นการเน้นช่วงบั้นท้าย ที่ใหญ่อยู่แล้วให้ดูใหญ่กว่าปกติเข้าไปอีก 
- กางเกงยีนส์กับผู้หญิงที่มีรูปร่างแบนหรือ มีส่วนโค้งของร่างกายน้อย (สะโพกเล็ก)
ผู้หญิง หลายคนอาจจะมีปัญหากับรูปร่างที่ไร้ ส่วนเว้าส่วนโค้ง เช่น มีช่วงบั้นท้ายที่ลีบแบน ดูน้อยเกินไป ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการ เลือกซื้อกางเกงยีนส์ที่มีการออกแบบและการเดินเส้นโค้งเพื่อเน้นส่วนโค้งของ ร่างกายแทน และที่สำคัญห้ามเลือกใส่กางเกงยีนส์ทรงตรงแบบของผู้ชายเพราะจะทำให้ผู้ที่มี รูปร่างแบนตรงยิ่งดูแบนและตรงไปกันใหญ่

- กางเกงยีนส์สำหรับผู้หญิงสะโพกผาย
ผู้หญิง ที่มีสะโพกผายควรมองหากางเกงยีนส์แบบปลายขากว้าง กางเกงขาม้า หรือ ขากระดิ่ง และตัวกางเกงยีนส์เองควรที่จะมีความยามคลุมถึงข้อเท้า ไม่ควรเลือกยีนส์เอวสูงและขาตรงเพราะจะทำให้สะโพกดูใหญ่เกินจริงขึ้นไปอีก
สาวๆ ที่อยากใส่กางเกงยีนส์ให้ดูสวย ต้องเป็นยีนส์สีเข้มเท่านั้น  เพื่ออำพรางรูปร่าง  ถ้าอยากสวยเท่ห์ ต้องจับคู่กับ รองเท้าส้นสูงหรือบู๊ตโทนสีเข้ม จะยิ่งทำให้คุณดูเพรียวขึ้นอีก
jean jean
สำหรับซัมเมอร์นี้ “ฮาร่า” เอาใจคุณสาว ๆ ด้วยคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด “ฮาร่า ธิงค์ สลิม ดีส ซัมเมอร์”  (Hara -Think Slim This Summer) กางเกงทรงสลิมฟิต เน้นสรีระ  กระชับสัดส่วน ทำให้รูปร่าง ปราดเปรียวสมส่วนมากขึ้น  เหมาะกับช่วงหน้าร้อน ฤดูกาลที่เต็มไปด้วยสีสัน ในวันพักผ่อนหรือวันเดินทาง  หรือจะเพิ่มสีสันแห่งฤดูร้อน   ด้วยเสื้อเชิ้ตยีนส์ และเสื้อยืดสกรีนเท่ๆ มิกซ์แอนด์แมชกันได้อย่างลงตัว  สาว ๆ ที่กำลังมองหากางเกงยีนส์ที่สวมใส่สบาย สามารถเลือกซื้อได้ที่ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท พี อาร์ เอ ดี  คอมมูนิเคชั่น จำกัด  ตัวแทนที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์     ขนิษฐา แสงจง (ต้า) โทร 085-5029499  อีเมลล์  prad.communication@yahoo.com
---
jean

5 เรื่องความงามที่สาววัยรุ่นต้องรู้


ยุคนี้สมัยนี้ ความสวยความงามเป็นของคู่กับสาวๆทุกวัย ทั้งการแต่งตัว แต่งหน้า ทานอาหาร หรือแม้แต่ก่อนเข้านอน ก็ต้องใส่ใจพิถีพิถัน เลือกครีมบำรุง เซรั่ม วิตามินต่างๆ แต่!! เราจะรู้ด้ยังไงว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนั้นดีที่สุดแล้ว งั้นลองมาสำรวจตัวเองตามแต่ละข้อเหล่านี้กันเถอะ!!
1. ไม่ใช้ครีมกันแดด
พลาดไปถนัดทีเดียวที่ปฏิเสธการใช้ครีมกันแดด เพราะมักคิดว่าเหนียวเหนอะหนะไม่สบายหน้า ทาแล้วรู้สึกมันเยิ้ม หรือบางคนอาจจะคิดว่าก็ฉันผิวคล้ำอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทาก็ได้ แต่นี่แหละคือจุดต้นตอของปัญหาใหญ่ในการปฏิวัติความสวยเลยแหละ เพราะการทาครีมกันแดดเป็นการป้องกันและดูแลผิวหน้าในระยะยาวที่ดีที่สุด เปรียบเสมือนเกราะคุ้มครองใบหน้าระหว่างวันกับรังสียูวีที่มากระทบกับใบหน้าและผิวกายโดยตรง แม้ว่าครีมที่เราจะเลือกใช้นั้นจะไม่ได้ผสมสารสกัดราคาแพงก็ตาม แต่การเติมน้ัำให้ผิวและตามด้วยครีมป้องกันแสงแดดในทุกๆครั้งที่ออกจากบ้านนี้ ก็จะช่วยยืดอายุผิวได้นานและยังป้องกันริ้วรอย ฝ้า กระ ได้ดีไม่น้อย ดังนั้นเปรียบทัศนะคติใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะ!!

2. ตามกระแส
เดี๋ยวนี้กระแสชั่งพาไปจริงๆ มาแรงซะจนสาวๆนั้นต้องแหกโค้ง อดซื้อตามคำบอกเล่าไม่ได้ แหม!! ก็มันอยากได้นี่ อันนั้นก็ใช้ดี อันนี้ก็โอเค หักห้ามใจไม่ให้หิ้วกลับบ้านไม่ได้ แต่ในที่สุดจะพบว่าเป็นผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่เหมาะกับเราเสียเลย หรือสินค้าแพงเกินจริง ซึ่งเราสามารถมองหาของดีใหล้เคียงกันได้มากมาย ดังนั้นระวังให้มาก!!!! คิดชั่งใจก่อนให้ดีก่อนตัดสินใจทุกครั้ง

3. ไม่ดูอายุผลิตภัณฑ์
บางทีอาจเกิดจากความเสียดายหรือการไม่รู้ แต่ที่สำคัญคือควรใช้ผลิตภัณฑ์ตามอายุของมัน จะสวยทั้งทีห้ามมักง่ายเด็ดขาดล่ะ โดยมีวิธีสังเกตุง่ายๆจาดฉลากข้างขดที่จะบอกว่าใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายในกี่ปี ซึ่งผลิตภัณฑ์สูตรธรรมชาตินั้นจะอายุสั้นว่า 2-3 ปีตามเงื่อนไขของธรรมชาติ

4. ชอบ แต่! ไม่ได้ใช้
ยิ่งหนัก หากเธอมีนิสัยแบบข้อนี้ที่เผลอซื้อเพราะแพคเกจิ้ง บางครั้งก็ใช้ใจพาไป จนซื้อมาสะสมกันไว้จนใช้แทบไม่ทัน สุดท้ายก็คงต้องตัดใจทิ้งไปเพราะของหมดอายุเสียนี่ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นการลงทุนท่คุ้มค่า คราวหน้าลองจดลิสต์รายการบิวตี้ที่ต้องการจริงๆทุกครั้ง จะได้ไม่เผลอพลาดจนอดเสียดายตังค์ที่หลัง

5. ลืมนึกถึงผลกระทบ
ข้อนี้สำคัญมากทีเดียวสำหรับสาวๆ เพราะจะเป็นการดีอย่างยิ่งที่เราจะคิดหน้าคิดหลังก่อนจับจ่าย เช่นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูดี น่าใช้ แต่กลับบรรจุในแพคเกจจิ้งที่ชวนทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถรีไซเคิลได้ บ้างก็ใส่สารเคมีมากจนเกินความจำเป็น บ้างก็ใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย จะสวยครบสูตรอยู่แล้ว ช่วยคำนึงถึงผลกระทบของส่วนรวมด้วยจะทำให้เธอกลายเป็นสาวสมบูรณ์แบบที่สุดในโลกเลยหล่ะ ^^

Thursday, April 5, 2012

30 วิธี ช่วยตัวเอง....ให้มีความสุข


1. นึกไว้เสมอว่า การโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับคุณ 3 ชั่วโมง

2. ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจกรับรองว่าเขาต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้ง

3. ลองปลูกต้นไม้เองซักต้นการเติบโตของมันจะบ่งบอกตัวตนของคุณได้

4. หลับตานิ่งๆสัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรที่อยู่ตรงหน้ามันช่างยากเย็นเหลือเกิน

5. ระหว่างแปรงฟันฮัมเพลงไปด้วยจนจบ จะทำให้ฟันสะอาดขึ้นเป็น 2 เท่า

6. เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลงจากรสชาติที่ธรรมดา ก็จะอร่อยขึ้นเยอะเลย

7. ไม่ว่าผมจะสั้นหรือยาวแค่ไหนก็ต้องการให้หวีอย่างทะนุถนอมเหมือนกันหมด

8. การขึ้น-ลงบันไดสูงๆแบบไม่ให้เมื่อย คือ
การไม่นับว่ากำลังยืนอยู่บันไดขั้นที่เท่าไร

9. คนตาบอดจะเห็นว่าคุณสวยมากๆทันทีที่คุณถามเขาว่า
“ช่วยพาข้ามถนนไหมคะ”

10. เมื่อจะหยิบเศษเงินให้ขอทานไม่จำเป็นต้องนับก่อนที่จะหย่อนลงกระป๋องหรอก

11. ควรหัดพูดคำว่า ไม่เป็นไร ให้เคยปากมากกว่าจะพูดคำว่า จะเอายังไง
12. ลองตั้งนาฬิกาให้เร็วขึ้น 15 นาที รับรองว่าจะไม่ไปสายเหมือนเมื่อก่อน

13. สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง ดังนั้น
เรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ จึงเล่าให้มันฟังได้

14. อาหารที่จะไม่ชอบกินตอนเด็กลองตักเข้าปากอีกสักที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด

15. เขียนชื่อคนที่คุณเกลียดใส่กระดาษ แล้วฉีกทิ้ง
(หรือแปะไว้ใต้รองเท้าแล้วใส่รองเท้านั้นไปเดินเล่นสักพัก)
ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ

16. ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง
จะดูแทบไม่ออกเลยว่าเพิ่งร้องไห้

17. ตุ๊กตาและของเล่นเก่าๆจะทำให้เรายิ้มออกเสมอเมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง

18. ก่อนซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมัน ทำให้ได้ 3 ข้อก่อน

19. ถึงเสื้อและกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย
แต่ถ้าใสสลับกันไปเรื่อยๆก็จะดูเหมือนมีเยอะขึ้น

20. ซาลาเปา 1 ลูก กินได้ 2 คน ลูกชิ้นปิ้ง 1 ไม้ กินได้ 4 คน
ถ้าคุณคิดจะแบ่งเท่านั้นเอง

21. เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้ ดีกว่าให้คนที่ได้เยอะ จนจำชื่อคนให้ได้ไม่หมด

22. ในวันที่รู้สึกเศร้าหรือเหงาๆเดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองซักดอกก็จะดีขึ้น

23. แอบรักใครสักคน...ยังไงก็ยังดีกว่าไม่เคยรู้ว่าความรู้สึกรักมันเป็นอย่างไร

24. ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความจะแต่งตัว สวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่

25. ฝึกโรแมนติกง่ายๆคนเดียวบ้าง ด้วยการนั่งนับดาวให้ครบ 100 ดวงก่อนนอน

26. ถ้าคุณเช็ดกระจกที่ขุ่นมัวที่สุดจนสดใสได้ ทำไมถึงจะเรียนดีกว่านี้ไม่ได้

27. พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบ มันอาจจะไม่สนุก แต่ก็มีประโยชน์แฝงอยู่

28. วันที่ตื่นเช้าให้บิดขี้เกียจให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้
ถ้าขี้เกียจออกกำลังกาย

29. แค่เอาข้าวที่กินไม่หมดไปให้หมาที่เดินผ่าน ก็เป็นการทำบุญที่ไม่ต้องลงทุนแล้ว

30. ปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในบ้าน แม่จะได้มีค่าขนมให้คุณเพิ่มขึ้นอีกหลายบาท

Wednesday, April 4, 2012

เมนูเส้น.... กินแล้วจะอ้วนไหม??


หลายๆ คน ที่กำลังลดความอ้วน คงกำลังมองหาเมนูเส้นๆ เป็นทางเลือกดีกว่าจะคว้าข้าวมากินซักจาน แล้วจะแน่ใจหรือว่าเมนูเหล่านั้นจะไม่ทำให้คุณอ้วน....
 “วุ้นเส้น” 
จัดเป็นอาหารประเภท “คาร์โบไฮเดรต” วุ้นเส้นที่ทำจากถั่วเขียว ประกอบด้วย…ความชื้น 15.7% ไขมัน 0.6% โปรตีน 0.13% เถ้า 0.17% กาก 0.46% คาร์โบไฮเดรต 82.9%

ในวุ้นเส้นสุก 100 กรัม ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี
วุ้นเส้นดิบ 100 กรัม ให้พลังงาน 338 กิโลแคลอรี

แม้ “วุ้นเส้น” จะทำจากถั่วเขียว ซึ่งเป็นพืชที่มีโปรตีนสูง แต่ก็ไม่ได้นำส่วนของโปรตีนในถั่วเขียวมาผ่านกระบวนการผลิตวุ้นเส้นด้วย คนที่ “ลดน้ำหนัก” มักคิดว่าวุ้นเส้นให้สารอาหารประเภทโปรตีน ทานได้เยอะเท่าไรก็ไม่อ้วน ซึ่งเป็นความ “เข้าใจที่ผิด” เพราะวุ้นเส้นให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตเหมือนข้าวและแป้งต่างๆ

 "เส้นสปาเก็ตตี้"
พาสต้านั้นถึงจะเป็นแป้ง แต่ก็เป็นแป้งที่เหนือชั้นกว่าแป้งอย่างขนมปัง เพราะเมื่อพาสต้าตกถึงท้องแล้ว จะถูกย่อยและดูดซึมกลายเป็นน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้ากว่า ส่งผลให้ค่า glycemic index ของพาสต้าโดยส่วนใหญ่แล้ว ต่ำกว่าขนมปังหรือมันฝรั่ง พบว่าอาหารประเภทแป้งที่มีค่า glycemic index ต่ำ หรือ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้านั้น จะส่งผลให้เราอ้วนและแก่ ได้น้อยกว่าอาหารประเภทแป้งที่มีค่า glycemic index สูง

อีกทิปหนึ่งที่จะช่วยให้พาสต้าเฮลตี้ยิ่งขึ้นคือ การต้มเส้นพาสต้าให้สุกแต่พองาม พอกรุบกรอบหงึบหงับ เพราะพาสต้าที่ต้มสุกเต็มที่จนนิ่มนั้น น้ำย่อยจะจู่โจมเข้าย่อยได้ง่าย เกิดการดูดซึมและเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดได้เร็วกว่าพาสต้าที่สุกกำลังดี

เส้นพาสต้าหนึ่งถ้วย ให้พลังงาน 200-250 แคลอรี่โดยประมาณ ดังนั้น แม้จะเป็น Organic whole grain pasta ก็อย่าได้ลำพองใจ รับประทานมากเกินไปกว่านี้ กินมากก็สะสมอ้วนได้อยู่ดี

 "ขนมจีน"
ขนมจีนแป้งหมัก ใช้การหมักแป้งข้าวเจ้าโดย นำแป้งข้าวเจ้ามาแช่น้ำให้นิ่ม และนำไปโม่ก่อนหมักประมาณเจ็ดวันเมื่อหมักแล้วจึงนำมานวดในเครื่องนวดแป้ง

ขนมจีนแป้งสด ใช้วิธีการผสมแป้งข้าวเจ้า ไม่ต้องทิ้งไว้แล้วจึงนำมานวดในเครื่องนวดแป้ง

สาวๆ ก็คงต้องเลือกทานขนมจีนกับอะไรที่ไม่ใช้น้ำยากะทิจะดีกว่านะคะ

 "เส้นก๋วยเตี๋ยว"
แคลอรี ในก๋วยเตี๋ยวปริมาณหลักๆ คือ เส้นก๋วยเตี๋ยวค่ะ หากคุณเลือกกิน ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ คุณก็จะได้รับแคลอรี มากกว่าคุนที่กินก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ คนที่ลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ควรกินเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีขนาดเล็กค่ะ เพราะปริมาณแคลอรี จะน้อยกว่าเส้นใหญ่ๆ มาก ก็ปริมาณแป้งทั้งนั้นแถมยังคลุกน้ำมันมาเยอะกว่าด้วย
ถ้าคุณจะลดปริมาณไขมันด้วย คือ พวกน้ำมันกระเทียมเจียว เนื้อสัตว์ ตอนสั่งก็บอกทางร้านขอไม่ใส่กระเทียมเจียว เท่านี้คุณก็ได้อาหารลดน้ำหนัก กินสบายๆ ไปมื้อหนึ่งแล้วค่ะ 
บะหมี่เป็นคาร์โบไฮเดรตละเอียด มีคุณสมบัติย่อยง่ายกว่าคาร์โบไฮเดรตชนิดธรรมดา

 "เส้นบุก"
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหัวบุกหรือที่เรียกว่าหัวกระบุก มีแบบเส้นใสและเส้นผสมสาหร่ายทะเลเพื่อเพิ่มคุณค่าอาหาร เป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง เมื่อนำมาทำเป็นยำมังสวิรัติจึงเป็นอาหารสุขภาพชั้นยอดอีกจาน และยังเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ

หัวบุกมีแป้งประมาณร้อยละ 67 มีโปรตีนร้อยละ 5-6 สารแป้งที่อยู่ในหัวบุกเรียกว่า แมนแนน (mannan) เมื่อสารนี้ถูกทำให้แตกตัว จะได้กลูโคสกับแมนโนส หรือที่เรียกกันว่า กลูโคแมนแนน (glucomannan) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาลกลูโคสในระบบทางเดินอาหาร และยังช่วยลดระดับโคเลสเตอรอล
และน้ำตาลในเลือด

ไม้ลอยน้ำยังดีกว่าคนอกตัญญู

สัจจังกิรชาดก   คนอกตัญญู





ใน สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัต ผู้พยายามตะเกียกตะกายเพื่อปลงพระชนม์ของพระองค์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานามาแล้ว ในเมืองพาราณสี พระเจ้าพรหมทัต มีพระราชโอรสผู้มีสันดานกักขฬะ หยาบคายอยู่พระองค์หนึ่งนามว่าทุฏฐกุมาร พระกุมารไม่ได้ทุบตีใครแล้วจะไม่ยอมตรัสกับใคร จึงไม่เป็นที่ชอบใจทั้งคนภายในและภายนอกพระราชวัง

วันหนึ่ง ท้าวเธอปรารถนาจะเล่นน้ำในแม่น้ำ จึงไปที่แม่น้ำด้วยขบวนบริวารหมู่ใหญ่ ปรากฏว่า วันนั้น มีพายุฝนตกอย่างหนัก พวกทาสจึงพากันทิ้งพระองค์ให้ลอยไปตามลำน้ำ หนีกลับเข้าเมือง กราบทูลพระราชาว่าไม่พบพระกุมาร พระราชารับสั่งให้ทหารออกติดตามค้นดูให้ทั่วบริเวณก็ไม่พบ

ฝ่ายพระ กุมารได้เกาะขอนไม้ลอยไปตามแม่น้ำ ไม่นานก็มีงู หนูและนกแขกเต้าหนีตายมาอาศัยเกาะขอนไม้นั้นตามลำดับ สัตว์ทั้ง ๔ ชนิดได้อาศัยขอนไม้ลอยไปตามแม่น้ำนั้น ที่ใกล้ฝั่งแม่น้ำนั้น มีอาศรมของฤาษีอยู่ตนหนึ่ง ท่านกำลังเดินจงกรมในเวลาเที่ยงคืน ได้ยินเสียงพระกุมารร้องไห้ จึงไปที่ฝั่งน้ำ พบเห็นสัตว์ทั้ง ๔ ชนิดนั้นจึงได้ช่วยขึ้นฝั่งมา ก่อไฟให้สัตว์ที่อ่อนแอกว่าผิงไฟก่อน ให้พระกุมารผิงทีหลัง เมื่อจะให้อาหารก็ให้สัตว์ทั้ง ๓ ชนิดก่อน ให้พระกุมารทีหลัง

พระกุมารผูกโกรธในฤาษีหาว่าไม่ให้เกียรติตน พอผ่านไปสองสามวัน น้ำเหือดแห้งแล้ว สัตว์ทั้งสามก็ร่ำลาฤาษี พร้อมบอกที่อยู่ของตน หากฤาษีเดือดร้อนอะไรจงบอก ส่วนพระกุมารก็ร่ำลาฤาษีเช่นกัน กลับไปถึงเมืองไม่นานก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติ

ฝ่ายฤาษี ต้องการจะทดสอบสัตว์ทั้ง ๔ ชนิด จึงไปที่อยู่ของงู หนูและนกแขกเต้าตามลำดับ สัตว์เหล่านั้นต่างก็ยินดีให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แล้วเข้าเมืองพักอยู่ที่สวนหลวง เพื่อทดสอบพระราชา รุ่งเช้าจึงออกเที่ยวภิกขาจาร

ฝ่ายพระราชา ในขณะนั้น กำลังประทับบนหลังช้างออกตรวจเมือง ทอดพระเนตรไปเห็นฤาษีแต่ไกลก็จำได้ รับสั่งให้ทหารจับฤาษีไปเฆี่ยนตีทุก ๔ แยกเมือง แล้วน้ำไปตัดศีรษะเสีย พวกทหารได้ทำเช่นนั้น ฤาษีไม่สะทกสะท้านอ้อนวอนอะไร เมื่อถูกเฆี่ยนตีทุก ๔ แยกเมือง กลับกล่าวคาถาว่า
     " ได้ยินว่า คนบางพวกในโลกนี้ ได้กล่าวความจริงไว้อย่างนี้ว่า
       ไม้ลอยน้ำยังดีกว่า ส่วนคนบางคนที่ประทุษร้ายมิตรไม่ดีเลย "

พวก ราชบัณฑิตได้ฟังคำนั้นทุก ๔ แยก จึงถามเหตุนั้น พอฤาษีเล่าความจริงให้ฟังแล้ว เกิดความสลด จึงพากันกบฏจับพระราชาสำเร็จโทษเสียบนคอช้างนั้นเอง ทำการยกฤาษีขึ้นเป็นพระราชาแทน ฤาษีครั้นขึ้นครองราชย์แล้วต้องการทดสอบสัตว์อีก จึงไปที่อยู่ของงูและหนู สัตว์ทั้งสองได้มอบสมบัติจำนวน ๗๐ โกฏิให้พระราชา ส่วนนกแขกเต้าก็จะนำข้าวสาลีมาให้ในฤดู พระราชานำสัตว์ทั้งสามเข้าเมืองบำรุงเลี้ยงอย่างดี ครองราชโดยธรรม ประสบความร่มเย็นเป็นสุขตลอดอายุขัย


  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า 
  เกิดเป็นคนต้องรู้จักบุญคุณของคน
  

10 เทคนิคแต่งภาพแฟชั่นพอร์เทรต!!!


10trip_portrait_original_800
ในช่วงที่ทีมงานนิตยสารโฟโต้อินโฟกำลังรวบรวมจัดทำบทความและภาพประกอบสำหรับฉบับพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปี ซึ่งเป็นฉบับที่รวมเนื้อหาและเทคนิคการถ่ายภาพพอร์เทรตไว้อย่างเข้มข้น ผมเองได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปเก็บภาพด้วยจากคำเชิญชวนของพี่อิสระ บก บห แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าระหว่างนั้นเจ้าเลนส์ตัวเก่งของผมที่ใช้อยู่ประจำเกิดมีอันต้องส่งไปให้ช่างดูอาการ เนื่องจากมอเตอร์โฟกัสภาพไม่ทำงาน เลยต้องอาศัยเลนส์สำรองที่มีอยู่แก้ขัดไปก่อน คือเลนส์ซูม 18 -200 มม. ซึ่งเป็นเลนส์ประเภทจับฉ่ายที่ใช้งานได้เอนกประสงค์ คุณภาพของเลนส์ตัวนี้อยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ ต้องถ่ายภายใต้สภาพแสงที่ดีเพราะรูรับแสงกว้างสุดของเลนส์ตัวนี้ทำได้แค่ F3.5 - 5.6 วันแรกที่ทีมงานยกกองออกไปถ่ายนางแบบ ประเดิมด้วยโลเกชั่นในโรงเก็บเครื่องบินของพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ เป็นการถ่ายในร่มโดยใช้แสงธรรมชาติ สภาพแสงในวันนั้นภายนอกแดดแรงมาก แต่ในตัวอาคารแสงค่อนข้างน้อย หากเป็นเลนส์ 70 -200 มม. F2.8 ที่ผมใช้อยู่ประจำคงไม่มีปัญหา ด้วยความที่คุ้นเคยกับเลนส์ซูมแบบรูรับแสงคงที่จึงทำให้ผมพลาดเมื่อต้องเปลี่ยนมาใช้เลนส์ซูมแบบสองค่ารูรับแสง ภาพนี้ผมถ่ายที่ช่วง 200 มม. ทำให้รูรับแสงกว้างสุดเหลือเพียง F5.6 ซึ่งก่อนหน้านี้ผมวัดแสงถ่ายด้วยช่วงเลนส์ไวด์ที่ F3.5 โหมดบันทึกภาพที่ใช้เป็นโหมดแมนนวล ช่วงที่กำลังถ่ายติดพันผมซูมภาพมาที่ 200 มม. โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนค่าบันทึกภาพ เลยทำให้ภาพออกมาอันเดอร์อย่างที่เห็น
ภาพตัวอย่างที่นำมาให้ชมนี้เป็นภาพที่ผมถือเป็นภาพเสีย เนื่องจากถ่ายอันเดอร์ไปมากเลยทำให้โทนภาพโดยรวมดูหม่นๆ ทึมๆ รวมไปถึงฉากหลังที่ไม่ช่วยส่งให้แบบดูเด่นเท่าไหร่ ทั้งหมดแล้วจึงกลายเป็นภาพที่ดูไม่น่าสนใจ เมื่อผมโหลดภาพนี้ขึ้นจอคอมพ์ฯ ผมบอกกับตัวเองเลยว่าถ้าจะนำภาพนี้ไปใช้งาน คงต้องเหนื่อยหน่อย
ผมใช้เวลาเกือบสามชั่วโมงกับการปรับแต่งภาพนี้ ซึ่งกว่าจะออกมาเป็นภาพที่พอใจได้ก็เล่นเอาเหนื่อย เรียกได้ว่าใช้เทคนิคเกือบครบสูตรสำหรับแต่งภาพพอร์เทรตเลยทีเดียว มีตั้งแต่ปรับผิวขาว แต่งผิวเนียน ทำขนตา ทาปาก สารพัด รวมไปถึงเปลี่ยนฉากหลังเพื่อให้ตัวแบบดูเด่นขึ้น นับรวมๆ ทั้งหมดแล้วได้ 10 ขั้นตอนพอดิบพอดี เรียกได้ว่าถ้าผ่านภาพนี้ไปได้การโพรเซสภาพพอร์เทรตอื่นๆ ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอีกต่อไป
[ดูภาพแบบ before & after ได้ด้วยการชี้เมาส์ที่ภาพเพื่อดูเปรียบเทียบความแตกต่างก่อนและหลังปรับแต่ง]
Step 1 ปรับค่าแสงและโทนสี
ขั้นตอนแรกจะเป็นการปรับแก้แสงและโทนสีของภาพเนื่องจากภาพต้นฉบับได้รับแสงอันเดอร์และมีสีอมเหลืองส้มมาก โดยใช้เครื่องมือที่อยู่ในกลุ่มพาเลท ADJUSTMENTS เริ่มจากการปรับความสว่างของภาพโดยเครื่องมือ Curves เน้นปรับแสงในส่วนสว่างและโทนกลางของภาพตามตัวอย่าง (1.1) และปรับเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือ Brightness/Contrast โดยเพิ่มความสว่างและลดคอนทราสต์ภาพลงเล็กน้อยตามตัวอย่าง (1.2) จากนั้นปรับแก้โทนสีด้วยเครื่องมือ Color Balance ปรับลดโทนสีเหลืองและสีแดงในภาพลงตามตัวอย่าง (1.3) ก็จะได้ภาพที่มีความสว่างและโทนสีที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
10trip_portrait_step-1
10trip_portrait_step-1.2
Step 2 เปลี่ยนฉากหลัง
ในขั้นตอนนี้ผมจะทำการลบและเปลี่ยนฉากหลังออกเพื่อให้นางแบบดูเด่นและน่าสนใจขึ้น อันดับแรกให้รวมเลเยอร์ทั้งหมดก่อนโดยกดปุ่ม Shift+Ctrl+E เลเยอร์ทั้งหมดก็จะถูกรวมให้เป็นเลเยอร์เดียว จากนั้นกดปุ่ม Ctrl+j เพื่อก๊อปปี้เลเยอร์ขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งเลเยอร์ คลิกปุ่ม Edit in Quick  Mask Mode ตัวเลือกสุดท้ายของทูลบอกซ์ซ้ายมือ หรือกดปุ่ม q ที่คีย์บอร์ด เสร็จแล้วเลือก Brush Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้ายเช่นกัน เลือกใช้หัวแปรงแบบขอบฟุ้งขนาดกลางให้เหมาะกับขนาดของภาพ จากนั้นระบายให้ทั่วตัวนางแบบ สำหรับบริเวณขอบให้เลือกใช้หัวแปรงขนาดเล็กค่อยๆ ระบายเพื่อเก็บรายละเอียด (ภาพ 2.1)
10trip_portrait_step-2.1
เสร็จแล้วคลิกยกเลิก Edit in Quick Mask Mode พื้นที่สีแดงที่ระบายไว้ก็จะเปลี่ยนกลับมาเป็น Selection กดปุ่ม Delete ก็จะได้เลเยอร์ภาพนางแบบที่ปราศจากแบ็คกราวด์ คลิกที่รูปดวงตาของเลเยอร์ Background เพื่อปิดเลเยอร์ พื้นที่ตรงส่วนที่เป็นฉากหลังก็จะหายไป ให้ลองตรวจสอบความเรียบร้อยตามขอบของต้วนางแบบดูอีกทีว่ามีหลงเหลือส่วนของฉากหลังอีกหรือไม่ ถ้ามีก็จัดการลบทิ้งให้เรียบร้อยโดยใช้ Eraser Tool ลบออก
10trip_portrait_step-2.2
10trip_portrait_step-2.3.1
เสร็จแล้วให้เปิดภาพที่จะใช้เป็นแบ็คกราวด์ขึ้นมา เลือกเครื่องมือ Move Tool ที่ทูลบอกซ์ด้านซ้าย หรือกดปุ่ม V ที่คีย์บอร์ด ลากภาพฉากหลังเข้ามาวางไว้ใต้ Layer 1 เราก็จะได้ภาพนางแบบที่โดดเด่นบนฉากหลังนุ่มนวลชวนฝัน
10trip_portrait_step-2.3
Step 3 แต่งผิวเนียน
คราวนี้ก็มาจัดการกับใบหน้าของนางแบบกัน ในขั้นตอนนี้จะเริ่มด้วยการปรับแต่งผิวหน้าให้เนียนสวยเสียก่อน คลิกเลือกที่ Layer 1 ที่อยู่บนสุด กดปุ่ม Ctrl+j เพื่อก๊อปปี้เลเยอร์ จะได้เลเยอร์ใหม่ชื่อ Layer 1 copy เลือกเครื่องมือ Spot Healing Brush Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้ายหรือกดปุ่ม j ที่คีย์บอร์ด ใช้หัวแปรงขนาดเล็กจัดการกับสิวและริ้วรอยที่เห็นชัดเจนบนใบหน้า
 10trip_portrait_step-3.1
หลังจากลบสิวและริ้วรอยเป็นที่เรียบร้อยก็ให้ก๊อปปี้เลเยอร์ขึ้นมาอีกหนึ่งเลเยอร์ ด้วยการกดปุ่ม Ctrl+j ก็จะได้ Layer 1 copy 2 คลิกเลือกเครื่องมือ Smudge Tool รูปนิ้วมือจากทูลบอกซ์ด้านซ้าย ปรับตั้งค่าในส่วนของ Brush Tip Shape โดยคลิกเอาเครื่องหมายถูกออกจากช่อง Spacing ให้เส้นแปรงเปลี่ยนจากเส้นลากยาวเป็นสองจุดตามภาพตัวอย่าง ตั้งค่า Strength ให้เหลือ 10%
 10trip_portrait_step-3.2
เลือกหัวแปรงแบบขอบฟุ้งขนาดกลางให้พอเหมาะกับภาพ แล้ววนถูเป็นวงกลมไปบนผิวที่ต้องการให้เนียนทั้งบริเวณใบหน้า ต้นคอ และมือ ข้อควรระวังคือไม่ควรวนถูตำแหน่งเดิมเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ผิวเป็นปื้นจนดูไม่เป็นธรรมชาติ หลังจากถูจนทั่วบริเวณแล้วหากรู้สึกว่าผิวเนียนเว่อร์ก็ให้ปรับลดค่า Opacity ของเลเยอร์ลดลงเพื่อให้เห็นผิวเดิมบ้างจะช่วยให้ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น ในตัวอย่างนี้ผมปรับลดค่า Opacity ให้เหลือเพียง 45% เท่านั้น
 10trip_portrait_step-3.3
Step 4 ลบรอยใต้ตา
เมื่อผิวหน้าเนียนแล้วก็ต้องมาไล่เก็บรายละเอียดอื่นๆ ที่เหลือโดยเริ่มจากรอยคล้ำใต้ตา ผมใช้เครื่องมือ Clone Stamp Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้าย ปรับเลือกโหมดให้เป็น Lihgten ตั้งค่า Opacity ไว้ที่ 50% เลือกผิวต้นแบบบริเวณใกล้เคียงที่เนียนขาวแถวโหนกแก้มโดยกดปุ่ม Alt ค้างไว้แล้วคลิกบริเวณที่ต้องการหนึ่งครั้ง เมื่อได้ผิวต้นแบบแล้วก็ให้ใช้เครื่องมือโคลนแสตมป์ค่อยๆ ลากไปบริเวณรอยคล้ำให้เจือจางลงโดยการคลิกเมาส์ค้างนะครับ ไม่ใช้คลิกย้ำถี่ๆ เพราะจะทำให้ผิวเป็นรอยจ้ำไม่สม่ำเสมอ ลากไปให้ทั่วบริเวณรอยคล้ำถ้าหากรอบแรกยังลบออกไม่หมดก็ให้ทำซ้ำอีกครั้งจนกว่าจะลบรอยหมองคล้ำไปจนเป็นที่น่าพอใจ
10trip_portrait_step-4.1
Step 5 ปรับแก้ตาดำ
จากภาพต้นฉบับที่ถ่ายมาอันเดอร์เลยทำให้ดวงตาของนางแบบโดยเฉพาะตาดำมืดทึบดูไม่สวยงาม ในขั้นตอนนี้ผมจะแก้ไขให้ดวงตาดูแวววาวสวยใสขึ้น ในภาพตัวอย่างจะเห็นว่าในส่วนของตาดำนั้นมืดทึบจนไม่เหลือรายละเอียด กรณีนี้เลยจำเป็นต้องสร้างดวงตาขึ้นมาใหม่ วิธีที่ง่ายสุดคือหาโหลดจากอินเตอร์เน็ต ลองเซิร์ซดูครับจะมีภาพดวงตาไว้ให้โหลดเยอะแยะสารพัดรูปแบบ เมื่อได้ดวงตาที่ต้องการแล้ว ก็ให้เปิดขึ้นมาแล้วลากเข้ามาได้เลย จากนั้นก็ทำการปรับขนาดและมุมมองให้ไปในทิศทางเดียวกันกับตาของนางแบบโดยทำทีละข้าง
ภาพตัวอย่างดวงตาที่ดาวน์โหลดมาจากอินเตอร์เนต10trip_portrait_step-5.1
10trip_portrait_step-5.2
ไปที่เมนู Edit / Transform / Distrot ทำการปรับแต่งขนาดและทิศทางการมองให้ลงตัว เมื่อได้ขนาดและตำแหน่งที่ดีแล้ว ให้ก๊อปปี้เลเยอร์ดวงตาขึ้นมาอีกหนึ่งเลเยอร์ นำไปไว้ที่ดวงตาอีกข้าง ปรับลดค่า Opacity ของเลเยอร์ดวงตาทั้งสองลงตามความเหมาะสมเพื่อให้ดูกลมกลืน ในตัวอย่างนี้ปรับลดลงเหลือ 40%
10trip_portrait_step-5.3
Step 6 เพิ่มขนตา
สำหรับการถ่ายภาพแฟชั่น ขนตาของนางแบบนับว่าสำคัญมาก เพราะไม่เพียงแต่อยู่ในพื้นที่โฟกัสของภาพเท่านั้น มันเป็นตัวบ่งบอกบุคลิกที่สำคัญอีกอันหนึ่ง นางแบบจะดูขรึม เท่ห์ เปรี้ยว หรือเย้ายวน ขนตามีส่วนช่วยเสริมได้มากทีเดียว สำหรับภาพนี้ผมต้องการเสริมขนตาเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อให้นางแบบดูเฉี่ยวขึ้น วิธีการก็ไม่ยากผมใช้แปรงรูปขนตาสำเร็จรูปซึ่งก็ดาวน์โหลดมาอีกนั่นแหละ ลองเซิร์ซ Google โดยพิมพ์คำว่า eyelash brush ก็จะพบว่ามี brush รูปขนตาสำหรับโฟโต้ชอปให้ดาวน์โหลดมากมาย วิธีโหลดมาใช้งาน ก่อนอื่นให้เลือกอันที่ถูกใจแล้วดาวน์โหลดมาเก็บไว้ในเครื่องคอมพ์ฯ ของเราก่อน เมื่อต้องการนำเข้ามาใช้งานให้คลิกที่มุมบนด้านขวาของพาเนล Brush แล้วเลือก Load Brushes จากนั้นก็เลือกไปยังตำแหน่งไฟล์ที่เราได้โหลดมาเก็บไว้
10trip_portrait_step-6.1
เมื่อต้องการสร้างขนตา ให้สร้างเลเยอร์ขึ้นมาใหม่ คลิกที่ปุ่ม Create a new layer ที่ด้านล่างพาเนลเลเยอร์ คลิกเลือก Brush Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้าย เลือกหัวแปรงรูปขนตาในแบบที่เราชอบจากพาเนล Brushes ปรับเลือกขนาดให้พอดีกับขอบตาเลือกสีที่ต้องการ จากนั้นสร้างเลเยอร์ใหม่ขึ้นมาแล้วคลิกหนึ่งครั้งก็จะได้ขนตาในแบบที่เราเลือก ถ้าหากความโค้งไม่รับกับขอบตาให้คลิกที่เมนู Edit / Transform / Warp ก็จะสามารถปรับแต่งรูปทรงความโค้งได้ตามที่เราต้องการ ผมสร้างขนตาแต่ละชุดแยกจากกันเป็นแต่ละเลเยอร์ ขนตาบน ขนตาล่าง ซ้าย ขวา ทั้งหมดจะได้เป็นสี่เลเยอร์ เพื่อที่จะได้ปรับแต่งอย่างสะดวก
10trip_portrait_step-6.2
10trip_portrait_step-6.3
Step 7 เพิ่มสีเปลือกตา
ขั้นตอนนี้ก็จะคล้ายกับการเพิ่มขนตาในขั้นตอนที่แล้ว ถ้าหากมั่นใจว่ามีฝีมือในการระบายสีก็ให้ใช้เครื่องมือ Brush Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้ายระบายไปบนบริเวณเปลือกตาได้เลย แนะนำว่าให้ทำบนเลเยอร์ที่สร้างขึ้นใหม่นะครับ เผื่อต้องการปรับแต่งทีหลังจะทำได้สะดวกกว่า แต่ถ้าไม่ถนัดที่จะระบายด้วยตัวเองก็ให้ใช้วิธีเดิมคือไปดาวน์โหลดแปรงแบบสำเร็จรูปสำหรับทาสีเปลือกตามาใช้ ซึ่งก็มีให้ดาวน์โหลดหลากหลายรูปแบบเช่นกัน แล้วก็ใช้วิธีการปรับแต่งเช่นเดียวกันกับการดัดขนตาในขั้นตอนที่แล้ว สำหรับในตัวอย่างนี้ผมเลือกที่จะระบายด้วยตัวเอง โดยใช้แปรงแบบขอบฟุ้ง ตั้งค่า Opacity อ่อนๆ ประมาณ 10% ค่อยๆ ระบายไปที่บริเวณเปลือกตาบนและล่าง บริเวณเปลือกตาบนระบายกินพื้นที่มากหน่อย ส่วนเปลือกตาล่างระบายแค่บริเวณขอบ ถ้าระบายเกินตรงส่วนไหนก็ใช้เครื่องมือ Eraser Tool ลบออก หลังระบายเสร็จแล้วถ้ารู้สึกเข้มไปก็ใช้วิธีลดค่า Opacity ของเลเยอร์ลงตามความเหมาะสมของภาพ
ตัวอย่าง Brushes สำเร็จรูปสำหรับระบายสีเปลือกตา
10trip_portrait_step-7.1
10trip_portrait_step-7.2
แต่ถ้าทำไปแล้วเกิดรู้สึกว่าสียังไม่ถูกใจก็ไม่จำเป็นต้องไปเริ่มทำใหม่ตั้งแต่ต้นนะครับ มันมีวิธีการง่ายๆ ที่จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนสีที่ทำไปแล้วได้อย่างรวดเร็วแค่พริบตาเดียว อันดับแรกให้คลิกไปที่เลเยอร์ที่เราได้ระบายสีเปลือกตาไว้ จากนั้นคลิ๊กเลือก Hue/Saturation ในพาเลท ADJUSTMENTS เสร็จแล้วให้คลิ๊กปุ่ม affects ที่ด้านล่างพาเนล จะเห็นว่าหลังจากคลิ๊กปุ่มนี้แล้วที่เลเยอร์ Hue/Saturation จะมีสัญลักษณ์ลูกศรชี้ลงอยู่ด้านหน้า เพื่อแสดงให้เห็นว่าค่าที่เราปรับนั้นจะมีผลเฉพาะกับเลเยอร์ที่อยู่ถัดไปด้านล่างเพียงเลเยอร์เดียวเท่านั้น จากนั้นก็ให้ลงมือปรับค่า Hue เลื่อนไปมาเพื่อให้ได้สีเปลือกตาใหม่อย่างที่เราต้องการ
เปลี่ยนสีเปลือกตาได้สารพัดในพริบตาเดียว
10trip_portrait_step-7.3
Step 8 ปัดแก้มให้เข้ม
ถ้าหากนางแบบไม่ได้ปัดแก้มมาเลยหรือปัดมาบ้างแต่เมื่อถ่ายภาพออกมาแล้วมันดูจืดเกินไปก็คงต้องใช้วิธีระบายสีเพิ่มเติมด้วย Brush Tool วิธีการคือให้เลือกเครื่องมือ Brush Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้าย กำหนดหัวแปรงแบบขอบฟุ้งขนาดค่อนข้างใหญ่โดยดูจากพื้นที่บริเวณแก้มของตัวแบบเป็นหลัก ตั้งค่า Opacity ประมาณ 10% จากนั้นให้สร้างเลเยอร์ขึ้นใหม่อีกหนึ่งเลเยอร์แล้วค่อยๆ ระบายไปบริเวณโหนกแก้มทั้งสองข้าง สำหรับคุณผู้หญิงการปัดแก้มด้วยโปรแกรมโฟโต้ชอปคงไม่ต่างกับการปัดแก้มของจริงซักเท่าไหร่ ในขั้นตอนนี้จึงไม่น่าจะยากจนเกินไป แต่สำหรับคุณผู้ชายทั้งหลายที่ไม่เคยแต่งหน้ามาก่อนคงต้องหาตัวอย่างมาศึกษาสักหน่อย โดยอาจดูจากภาพถ่ายแฟชั่นตามหน้าแม็กกาซีนหรือตามเว็บถ่ายภาพแฟชั่นเพื่อเป็นแนวทางในการปรับแต่งสีแก้มของนางแบบ และก็เช่นเดิมครับถ้าหากระบายสีไปแล้วเกิดรู้สึกว่าเข้มเกินไปก็ให้ใช้วิธีลดค่า Opacity ลงจนกว่าจะได้ค่าที่พอใจ
10trip_portrait_step-8.1
Step 9 เติมลิปริมฝีปาก
อันที่จริงในภาพตัวอย่างนี้นางแบบได้แต่งหน้าทาปากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อถ่ายภาพออกมาสีของลิปที่ปากมันดูจืดไปนิด ในขั้นตอนนี้ผมเลยต้องเพิ่มความเข้มของสีลิปที่ปากให้นางแบบเสียหน่อย ก่อนอื่นผมทำการรวมเลเยอร์ทั้งหมดก่อนโดยกดปุ่ม Shift+Ctrl+E ที่คีย์บอร์ด จากนั้นให้เลือกเครื่องมือ Lasso Tool จากทูลบอกซ์ด้านซ้าย หรือกดปุ่ม L ที่คีย์บอร์ด แล้วสร้าง Selection รอบๆ บริเวณปากของนางแบบโดยให้ล้นจากริมฝีปากออกมาเล็กน้อย ไปที่เมนู Select / Modify / Feather ตั้งค่า Radius ที่ 10 พิกเซลแล้วคลิ๊ก OK เสร็จแล้วให้กดปุ่ม Ctrl+j เพื่อก๊อปปี้บริเวณริมฝีปากขึ้นมาใหม่
10trip_portrait_step-9.1
เสร็จแล้วไปที่เมนู Image / Adjustments เลือก Hue/Saturation เลือกที่แชนแนลสี Reds แล้วปรับค่า Saturation เพิ่มขึ้นจนได้สีของริมฝีปากเป็นที่พอใจ ในตัวอย่างนี้ปรับไปที่ +40 เสร็จแล้วคลิ๊กปุ่ม OK จากนั้นก็มาจัดการกับส่วนเกินโดยใช้เครื่องมือ Eraser Tool ใช้หัวแปรงขนาดเล็กแบบขอบฟุ้งค่อยๆ ลบบริเวณส่วนเกินรอบๆ ริมฝีปากออก เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จัดการรวมเลเยอร์ได้เลย
10trip_portrait_step-9.2
Step 10 ตัดส่วนเกินออก
แล้วก็มาถึงขั้นตอนสุดท้าย จากการสำรวจภาพโดยรวมถือว่าใช้ได้แล้วแต่ยังมีส่วนเกินอีกเล็กน้อยบริเวณลำคอที่ดูเป็นชั้นๆ จนทำให้นางแบบของเราดูคล้ายเป็นคนเจ้าเนื้อ ว่าแล้วก็ปรับแต่งเสียหน่อยเพื่อให้คอเป็นระหงสวยงาม เริ่มจากการก๊อปปี้เนื้อส่วนเกินขึ้นมาก่อนโดยใช้ Lasso Tool เหมือนเดิมครับ สร้าง Selection รอบๆ บริเวณที่ต้องการแก้ไข เสร็จแล้วไปที่เมนู Select / Modify / Feather ตั้งค่า Radius ไว้ที่ 10 พิกเซล คลิก OK กดปุ่ม Ctrl+j เพื่อก๊อปปี้ตรงส่วนที่เลือกไว้ขึ้นมาเป็นเลเยอร์ใหม่
10trip_portrait_step-10.1
ไปที่เมนู Filter / Liquify หรือกดปุ่ม Shift+Ctrl+X ที่คีย์บอร์ด จากนั้นคลิ๊กเลือกเครื่องมือ Forward Wrap Tool สัญลักษณ์รูปนิ้วที่ด้านซ้ายบนสุด หรือกดปุ่ม W ที่คีย์บอร์ด แล้วก็ค่อยๆ ดันเนื้อบริเวณลำคอที่บวมออกมาให้กลับเข้าไปจนดูเรียบตรงดีแล้วจึงกดปุ่ม OK เพียงเท่านี้เราก็ได้ภาพของนางแบบสาวคอระหงแล้ว
10trip_portrait_step-10.2
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ให้รวมเลเยอร์โดยคลิกเมาส์ปุ่มขวาที่เลเยอร์ไหนก็ได้แล้วเลือกเมนู Flatten Image จากนั้นจัดการปรับความคมชัดให้กับภาพก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมด ลองดูภาพเปรียบเทียบดูครับจะเห็นว่าภาพถูกปรับแต่งจากเดิมไปมาก และทั้งหมดนี้ก็เป็น 10 ขั้นตอนในการปรับแต่งภาพพอร์ทเทรตให้ดูดีขึ้นครับ
10trick_portrait_final

วิธีนวดหน้า "เรียว" ด้วยตัวเอง


วิธีนวดหน้า "เรียว" ด้วยตัวเอง
วันนี้พาคุณผู้หญิงมารู้จักกับวิธีนวดหน้าเรียวด้วยตัวเองค่ะ ด้วย วิธีนวดหน้า จะช่วยให้คุณผู้หญิงมีใบหน้าที่ยกกระชับและเรียวขึ้น หรือจะเรียกว่า วิธีนวดหน้าเรียว ก็ได้นะจ๊ะ ที่สำคัญ วิธีนวดหน้า นี้คุณยังสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านโดยไม่ต้องเสียเงินไปเข้าร้านกันเลยทีเดียวค่ะ สำหรับ วิธีนวดหน้าด้วยตัวเอง นี้ควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้งนะค่ะ คุณผู้หญิงพร้อมจะเรียน วิธีนวดหน้าเรียว กันรึยังเ่อ่ย...ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มวิธีนวดหน้ากันเลยค่ะ

วิธีนวดหน้า


- เริ่มจากบริเวณหน้าผาก ให้ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางเริ่มจากกึ่งกลางหน้าผากนวดวนขึ้นเป็นแนวขดลวด (ขึ้นหนักลงเบา) นวดจนถึงบริเวณขมับ 6 จังหวะ ทำซ้ำ 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายให้กดจุดที่ขมับเพื่อความผ่อนคลาย

- บริเวณรอบดวงตาและยกกระชับริมฝีปาก ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางนวดเบา ๆ บริเวณใต้ตา โดยเริ่มจากแนวโครงกระดูกเบ้าตาล่าง วนไปมาเบา ๆ นับ 1 ครั้ง ทำซ้ำ 3 ครั้ง จากนั้นเริ่มนวดจากบริเวณใต้โพรงจมูกลูบออกด้านข้างในลักษณะยกผิวขึ้น ลูบไปมา 3 ครั้งและเลื่อนนิ้วลงมาบริเวณใต้ริมฝีปากล่างลูบออกตามแนวริมฝีปากในลักษณะยกขึ้นทำซ้ำ 3 ครั้ง

- ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณมุมปาก ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณกึ่งกลางคางขึ้นไปที่บริเวณมุมปากในลักษณะยกขึ้น ทำซ้ำ 3 ครั้ง

- ยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม ใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างนวดจากบริเวณมุมปากในลักษณะยกผิวขึ้นเป็นมุมกว้างค้างไว้สักครู่แล้วค่อยลูบลงทำซ้ำ 3 ครั้ง

- ผ่อนคลายความตึงเครียดบริเวณดวงตา ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดบริเวณหัวตาทั้ง 2 ข้าง กดเบา ๆ นับ 1-3 แล้วลูบผ่านเปลือกตาและวนรอบดวงตากลับมากดที่หัวตาทำซ้ำ 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายลูบผ่านเปลือกตาไปกดจุดที่บริเวณขมับ