Monday, February 27, 2012

เงิน 20 บาท มีค่ามากสำหรับคนบางคน


เงิน 20 บาท มีค่ามากสำหรับคนบางคน
ในขณะที่ใครหลายๆ คนกินอิ่ม นอนหลับอยู่ในบ้านที่แสนสบาย ใช้เงินฟุ่มเฟือยเต็มสูบไม่มีจำกัด อยากได้อะไรซื้อ อยากกินอะไรกิน ทิ้งๆ ขว้างๆ บ้างตามประสาคนเหลือกินเหลือใช้ แต่ในอีกมุมหนึ่ง...กลับมีคนที่ยอมเดินด้วยเท้า จากจังหวัดอุบลราชธานี ไปยังจังหวัดอยุธยา ด้วยระยะทางไกลมากว่า 600 กิโลเมตร เพียงเพื่อเงินวันละ 20 บาท 

เรื่องที่ทางทีมงานจะขอนำเสนอต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่เพื่อนสมาชิกเว็บไซต์ พันธ์ทิพย์ดอทคอม ประสบเหตุการณ์ด้วยตัวเอง และอยากนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้ฟัง ซึ่งเขาก็เล่าว่า ... ผมและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวจังหวัดอยุธยา ระหว่างทางก่อนที่จะถึงจุดหมาย ผมได้มองไปข้างทางและเห็นชายแก่คนหนึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวสีน้ำเงิน กำลังเดินอยู่ข้างทางแบกถุงปุ๋ย พร้อมห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เดินกลางแดดกลางวันร้อนๆ ยามบ่าย ผมจึงให้แฟนจอดรถและลงไปถามชายชราคนนั้นว่า

ผม : ตาจะไปไหน ทำไมมาเดินตากแดดแบบนี้เล่า

ตา : (ยิ้ม) จะไปอยุธยา

ผม : ตาจะไปทำไมที่อยุธยา ไปหาใครเหรอ

ตา : ไปรับจ้างเลี้ยงวัว มีคนเขาบอกว่าที่อยุธยา มีคนเขาหาคนเลี้ยงวัว

ผม : เขาจ้างวันละเท่าไหร่ ตารู้จักเขาเหรอ

ตา : เขาจ้างวันละ 20 บาท มีที่พักให้ด้วย (ตาหมายถึงนอนกับวัวเลย) ตาไม่รู้จักเขาหรอก ที่ไปนี้ก็ต้องไปถามเขาอีกทีว่าใครจะจ้างตาเลี้ยงวัวบ้าง

ผม : แล้วใครบอกตาว่าที่อยุธยาเขาหาคนเลี้ยงวัว

ตา : คนแถวบ้านตาบอก เขาพูดกันว่าที่อยุธยามีคนเขาหาคนเลี้ยงวัวเยอะ

ผม : ตามาจากไหนละ มาคนเดียวเหรอ แล้วยายไปไหนล่ะ

ตา : ตามาจากอุบลฯ ตามาคนเดียว เพราะยายตายแล้ว

ผม : ลูกๆ ไม่มีเหรอตา

ตา : มีลูก 2 คน ชายคน หญิงคน มีครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่เคยเห็นหน้ามาหลายปีแล้ว ยายตายนี่พวกมันยังไม่รู้เลย

ผม : แล้วทำไมตาไม่อยู่บ้าน หางานแถวบ้านทำล่ะ

ตา : ตาไม่มีบ้าน พอยายตาย พี่น้องยายเขาก็ไม่ให้อยู่ในที่ของเขา งานแถวบ้านมี แต่เขาไม่จ้างตาทำ เขาบอกว่าตาแก่แล้ว ทำอะไรช้าไม่ทัน เขาก็ไม่จ้างตา

ผม : แล้วตามาถึงที่นี่ได้อย่างไง

ตา : ตาเดินมาเรื่อยๆ

ผม : เดินมาจากอุบลฯ นะเหรอตา ทำไมไม่นั่งรถเมล์มาล่ะ

ตา : (ยิ้ม) ตาไม่มีตังค์ (ควักเงินออกมาให้ดู ซึ่งในมือตามีเงิน 15 บาท เหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ที่เหลือเป็นเหรียญบาทเก่าๆ สีเขียว)

ผม : แล้วตาออกจากอุบลฯ มาวันไหน

ตา : หลังสงกรานต์ 2 วัน (ยิ้ม)

ผม : แล้วตาเอาอะไรมาด้วย นี่ห่ออะไรที่ตาถือมา

ตา : อ๋อ ห่อกระดูกยาย กับถุงเสื้อผ้าตา

ผม : แล้วตากินอะไรอยู่

ตา : เดินผ่านร้านที่เขาขายมันต้ม แม่ค้าเขาเลยให้ตามากินฟรีๆ ไม่เอาตังค์ตาด้วย

ผม : (สายตาของผมมองไปที่เท้าของตา เห็นรองเท้าของตามีกระดาษติดที่ส้น) กระดาษติดที่เท้าตานะ ระวังหกล้ม

ตา : (ยิ้ม) อ๋อ ตาเอามันมารองที่เท้าตาเอง เพราะส้นรองเท้ามันขาดแล้ว เวลาเดินมันร้อนส้นเท้า

ผม : แล้วนั่นน้ำอะไรจ๊ะตา (เห็นน้ำสีน้ำตาลในขวดสีขาวขุ่นมากๆ วางอยู่ข้างๆ ตา)

ตา : น้ำกินตาเอง

หลังจากนั่งคุยกับตาแกไปเรื่อยๆ ก็ได้รู้ว่า ตา อายุ 76 ปีแล้ว แต่ผมดันลืมถามชื่อแกมา รู้แต่ว่าสิ่งที่ได้สังเกตเห็นตลอดเวลาคือ เนื้อตัวค่อนข้างเลอะ มีรอยยุงกัดตามตัวเยอะมากเพราะแกบอกว่าอาศัยนอนข้างถนน นอนศาลา และดวงตาของแกฝ้ามัวมาก เหมือนมีเส้นใยบางๆ ในดวงตา และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นก็คือ "รอยยิ้ม" ที่เห็นฟัน 1 ซี่ ของแกมีมาให้ตลอดเวลาระหว่างที่สนทนากัน ทำให้ผมรู้สึกว่าตาเป็นคนอารมณ์ดี จากนั้นผมจึงได้ส่งร่มในมือที่ถือก่อนลงจากรถให้แกไว้ใช้ พร้อมเงินอีก 190 บาท (เพราะมีอยู่แค่นั้น) ซึ่งตอนที่แกได้ร่ม ตาแกดีใจมาก ยิ้มตลอดเวลา ในใจแกคงคิดว่าต่อไปนี้แกคงไม่ต้องเดินร้อนแล้วล่ะ อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมตาแกไม่ไปบวช หรือขอข้าววัดกิน เรื่องนี้พวกเราคุยกันว่า ตาแกยังคงอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ไม่อยากจะขออาศัยวัดกิน มีมือมีเท้าก็อยากทำให้เกิดประโยชน์บ้าง … 


...และนี่คือตัวอย่างหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากต้องปาดกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง รู้แบบนี้แล้วทำไมไม่ลองมองย้อนมาดูตัวเอง ว่าวันนี้คุณ "พอเพียง" แค่ไหนกัน ?ทั้งนี้ผู้เล่าประสบการณ์ คิดได้ว่า เขาโชคดีเหลือเกินที่มีกินมีใช้ เกิดมาไม่ลำบาก มีพ่อแม่ มีเงินให้ใช้ แต่หลังจากเจอตาแล้วทำให้เขาคิดได้ว่า ต่อไปนี้เขาต้องรู้จักใช้เงิน รู้คุณค่าของเงินมากขึ้น เผื่อวันหน้าจะได้ไม่ลำบาก 

Monday, February 13, 2012

80 เรื่อง ของในหลวง ที่คุณยังไม่รู้

เมื่อทรงพระเยาว์
 1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น.
2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรก
ประสูติ 6 ปอนด์
3. พระนาม"ภูมิพล"ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพล
อดุลยเดช
5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก
6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระ
ชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี
มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า "H.H Bhummibol Mahidol"
หมายเลขประจำตัว 449
7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดา
ว่า"แม่"
8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง
9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้
ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูกเพิ่ม
10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่
นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้งหนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพ
อย่างใหญ่โต
11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้ง
ชื่อให้ว่า"บ๊อบบี้"
12. ทรงฉลองพระเนตร(แว่นสายตา)ตั้งแต่พระชันษายังไม่
    เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกตเห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อยๆ
13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจา
กันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะทรงต่อรอง 3 ที มากเกิน
ไป 2 ทีพอแล้ว ระหว่างประทับอยู่ ส วิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่าง
พี่น้องจะทรงใช้ภาษษฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทยกับสมเด็จย่าเสมอ
14. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก"การให้"โดยสมเด็จย่าจะทรงตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า"กระป๋องคนจน"หากทรงนำเงินไปทำ
กิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก"เก็บภาษี"หยอดใส่กระปุกนี้ 10%
ทุกสิ้นเดือนสมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินใน
กระป๋องนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด มอบให้เด็กกำพร้า
หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
15. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน
เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน สมเด็จย่าก็ตอบว่า"ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ
ได้มาก ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน"
16. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget
ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา
17. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทน
รถพระที่นั่ง
 พระอัจฉริยภาพ
 18. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก"การเล่น"สมัย
พระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่นอะไร ต้องทรงเก็บสตางค์
ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระชษฐาน
ซื้อชิ้นส่วนวิทยุทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ
แล้วแบ่งกันฟัง
19. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิ
ประเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่
ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้
ทรงเล่นเป็น จิ๊กซอว์
20. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน
แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ทรงหัดเล่นคือ บเพลง
(แอกคอร์เดียน)
21. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา
ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 ฟรังก์มาหัดเล่น โดย
ใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้
22. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส
23. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา
18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ"แสงเทียน" จนถึงปัจจุบัน
พระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง
24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้อง
ใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรงเกิดแรงบันดาลพระทัย
ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้น
เดี๋ยวนั้น กลายเป็นเพลง"เราสู้"
25. รู้ไหม…? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร :
เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5
26. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่าย
ภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วนพระองค์ออก ฉายแล้ว
นำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไทย ที่ รพ.จุฬาฯ
โรงพยาบาลภูมิพล รวมทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย
27. ทรง พระราชนิพนธ์เรื่อง"นายอินทร์"และ"ติโต" ทรงเขียน
ด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่พระมหาชนก ทรงพิมพ์
ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์
28. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคยได้เหรียญทองจากการ
แข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง(ต่อมาเปลี่ยน
ชื่อเป็น"กีฬาซีเกมส์")ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510
29. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับ
ฝั่งตรัสกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับเข้าฝั่งเพราะเรือแล่น
ไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่
ไม่มีใครเห็น แสดงให้เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน
30. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับ
สิทธิบัตรผลงานประดิษฐ ์คิดค้นเครื่องกลเติมอากาศที่
ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ "กังหันชัยพัฒนา" เมื่อปี 2536
31. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุการ
เกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊สโซฮอล์,
ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลา
กว่า 20ปีแล้ว
32. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุด
ด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วันที่ 26 พฤษภาคม
2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้าน
การพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย โดย
มี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมา
ถวายรางวัลด้วยตนเอง
 เรื่องส่วนพระองค์
 33. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรา
มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร
สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
34. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิส
เซอร์แลนด์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ
ทรงให้สัมภาษณ์ว่า"น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ
เนื่องเพราะรับสั่งว่าจะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จ
มาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง
35. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรส
เหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท
36. หลังอภิเษกสมรส ทรง"ฮันนีมูน"ที่หัวหิน
37. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใน
พระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม 2499 และประทับ
จำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน
38. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
39. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม
ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นของแพง
อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น
40. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ
เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยกเว้น นาฬิกา
41. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพล
เพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้างวัตถุมงคล เพื่อมอบ
แก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ
42. หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ
โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏรอยบุ๋มลึกลงไปจน
ถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทน
ช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม
43. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต
มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้าแม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่
หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า
สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล
เห็นแม่นอนหลับตาอยุ่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบ
ที่อกแม่ ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมา
น้ำพระเนตรไหลนอง
 งานของในหลวง
 44. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบนมี
จำนวนกว่า 3,000 โครงการ ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานที่ต่างๆ
จะทรงมีสิ่งของประจำพระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรง
ทำขึ้นเอง(ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอ
ที่มียางลบ
45. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่ง
การโรเนียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่เข้าเฝ้าฯถวายงาน
เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใหญ่
เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก
ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อ
ทรงเห็นดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการ
และราษฎรทั้งกลางสายฝน
46. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยม
วิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วมกับข้อมูลจากต่างประเทศที่หามาเอง
เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประชาชน
47. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วน
พระองค์จำนวน 32, 866.73บาท ซึ่งได้จากการขายหนังสือ
ดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆเติบโตเป็น
โครงการพัฒนามาจนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้
48. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯสวน
จิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯลงมาอธิบายด้วยพระองค์เอง
เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด
49. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรง
เหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า "ความจริงมันน่า
ท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้
เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือ
บ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ
50. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรง
กำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระดูกสันหลังในอีก 5 ชั่วโมง
(20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้ง
คอมพิวเตอร์เดินสายออนไลน์ไว้ เพราะกำลังมีพายุเข้า
ประเทศ พระองค์จะได้ดูจอมอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้
ช่วยเหลือทัน
 ของทรงโปรด
 51. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า
ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา
52. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย
53. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก
54. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกใน
ประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระตำหนักสวนจิตรลดา
เป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง
55. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวย
วันหนึ่งหลายครั้ง
56. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศส ของยูบีซี
เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก
57. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์
ต่างๆใน กทม.ไปที ่ จส.100ด้วย โดยใช้พระนามแฝง
58. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวง
จะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุกฉบับ
และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก
เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก
59. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ
ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อในหลวงมาตั้ง
แต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย
นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ จนถึงตอนนี้
ก็เกือบ 50 ปีแล้ว
60. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บน
ชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด 3×4 เมตร
ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร
คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่องพยากรณ์
แผนที่ ฯลฯ
61. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด
สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกลกังวล แล้ว
ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว

รู้หรือไม่ ?
62. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง
63. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ
เยอรมัน และ สเปน
64. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสาร
สำคัญใดๆทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ ของพระองค์ว่า
"ทำราชการ"
65. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชน
กับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา
ตอนนั้นมีอายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้าง
ซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน
ชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี
66. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับในหลวงว่า
แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็นแซกโซโฟนที่ทำ
ด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า"อันนี้
ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนักมาก ยกไม่ไหวหรอก"
67. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง
จนกระทั่งกุด
68. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจ
เต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยม
ราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี
69. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษา
ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์จิตรลดา
ฟอนต์ภูพิงค์
70. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค
มีประชาชนเข้าชมรวม 6 ล้านคน
71. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493
จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่าเสด็จพระ ราชทานปริญญาบัตร
490ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน
470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนัก
ทั้งหมด 141 ตัน
72. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง
73. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง
74. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถ
คนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่งรวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถ
ยาวเหยียด
80พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน 
ที่มาข้อมูล : teenee.com และ doohoon.com

แถมรูปนะคะ เป็นรูปที่มีคุณค่า มากๆ

ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ที่วังสระปทุม
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรส
เหมือนคนทั่วไป ข้อความในสมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไป
ทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท

วาเลนไทน์ที่เกาหลีมีตลอดทั้งปี

วันที่ 14 มกราคม Diary Day เป็นวันที่คู่รักจะมอบสมุดไดอารี่ให้

แก่กัน 


วันที่ 14 กุมภาพันธ์ Valentine's Day วันแห่งความรัก คู่รักฝ่าย

หญิงจะมอบช็อคโกแลตให
้กับฝ่ายชาย 

วันที่ 14 มีนาคม White Day วันที่คู่รักฝ่ายชายจะมอบช็อคโก
แล

ตกลับคืนให้กับฝ่ายหญิง 


วันที่ 14 เมษายน Black Day เป็นวันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักจะ

มารวมตัวกินก๋วยเตี๋ยวเส้นส
ีดำ (ประมาณผัดซีอิ๊วบ้านเรา รึเปล่า
ต้องติดตาม) ด้วยกัน 

วันที่ 14 พฤษภาคม Yellow Day วันสำหรับผู้ที่ยังไม่มีคนรักแล


พลาดโอกาสไม่ทันได้กินก๋วยเตี๋
ยวเส้นสีดำในวัน Black Day มา

รวมตัวกันกินข้าวราดแกง (คาดว่าแกงเป็นสีเหลืองน่ะเลยเร
ียก

yellow day) วันนี้ยังเป็นวัน Rose Day หรือวันที่คู่รักมอบดอกกุ

หลาบให
้แก่กันอีกด้วย 

วันที่ 14 มิถุนายน Kiss Day วันที่คู่รักจุมพิตกันเพื่อยืนย
ันความรัก

ที่มีต่อกัน 

วันที่ 14 กรกฎาคม Silver Day วันที่คู่รักแลกแหวนเงินกันเพื่อเป็น

สัญญาแห่งอนาคต 

วันที่ 14 สิงหาคม Music Day วันที่คู่รักมอบเทปเพลงรักให้กั

และกัน 

วันที่ 14 กันยายน Photo Day วันที่คู่รักถ่ายภาพร่วมกันเพื่อเป็นที่

ระลึกถึงความรักของตน 


วันที่ 14 ตุลาคม Wine Day วันที่คู่รักดื่มไวน์ด้วยกัน 
วันที่ 14 พฤศจิกายน Hug Day เป็นวันที่คู่รักแสดงความรักด้วยกา
รกอดกัน นอกจากนี้ยังเป็นวัน Movie Day หรือวันที่คู่รักจูงมือพา

กันไปด
ูหนังอีกด้วย 
วันที่ 14 ธันวาคม Money Day วันที่คู่รักใช้เงินซื้อของหรือใช้จ่าย

อย่างฟุ่มเฟือยให้กับคนร
ักของตน

Wednesday, February 8, 2012

25 วิธี ทำตัวเองให้ฉลาด


25 วิธี ทำตัวเองให้ฉลาด (ขึ้น)

 
ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงอยากจะถูกชมว่าเป็นคนฉลาดด้วยกันทั้งนั้น

หลาย คนเชื่อว่า ความฉลาดเป็นสิ่งที่ติดมากับตัว ถ้าโตแล้วก็คงหมดโอกาสที่จะทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น ...หลายคนเลยปักใจเชื่อว่าตัวเองเป็นคนไม่ฉลาดจนยากจะเยียวยา

แต่ความจริงแล้ว คนส่วนใหญ่ใช้สมองไม่เต็มศักยภาพที่ตัวเองมี ทั้งเพราะความเคยชินและต้องการความสะดวกสบาย

ถ้า หากเมื่อไหร่ที่สมองส่วนที่ถูกละเลย ได้รับการบริหารด้วยการคิดแบบมีระบบ ก็จะช่วยให้คนๆ นั้นกลับมาเป็นคนที่ใช้สมองได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือที่หลายคนเรียกว่า ฉลาดขึ้นนั่นเอง

แต่วิธีไหนบ้างล่ะที่จะทำให้เราฉลาดขึ้นอย่างที่ว่า เราไปดูข้อมูลจาก "นิตยสารนิวส์วีค" กัน
1. เล่นทายปัญหากับเพื่อนๆ
การเล่นทายปัญหาอาจดูเหมือนเป็นเรื่องของเด็กๆ และเสียเวลา แต่จริงๆ แล้วมีผลการวิจัยออกมารองรับว่าการทายปัญหาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยง ในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ลง ... การเล่นเกมทางโทรศัพท์ก็ใช้ได้เช่นกัน เพราะช่วยบริหารสมองได้อีกทางหนึ่ง
2. กินขมิ้นให้บ่อย
ขมิ้นในที่นี้ก็หมายถึงขมิ้นที่อยู่ในอาหารไทยของเรานี่แหละ เชื่อกันว่าขมิ้นมีสารประกอบบางอย่างที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซ เมอร์ลง
3. เล่นสควอชหรือเต้นรำ
กิจกรรมเหล่านี้นอกจากจะทำให้หัวใจเต้นแรงแล้ว ก็ยังบังคับให้เราต้องใช้สมองไปในเวลาเดียว
4. ดูข่าวจากสำนักข่าวอัล จาซีร่า
จากการศึกษาในปี 2009 พบว่า ผู้ที่ชมข่าวจากอัล จาซีร่า ภาคภาษาอังกฤษ จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากกว่าคนที่ดูข่าวจาก ซีเอ็นเอ็น หรือ บีบีซี ซึ่งการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ก็ย่อมจะทำให้เราฉลาดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
5. โยนโทรศัพท์ทิ้งบ้าง
แม้ปัจจุบันจะเป็นยุคของข้อมูลข่าวสาร แต่การปิดโทรศัพท์หรือปิดอินเตอร์เน็ตในบางช่วง ก็ทำให้เรามีสมาธิกับงานที่ทำมากขึ้น
6. นอนให้เยอะ
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า แม้เราจะหลับไปแล้วแต่สมองของคนเราจะยังคงพัฒนาในด้านความจำต่อไป และการพักผ่อนให้เต็มที่จะช่วยให้เราเรียกเอาความจำเหล่านั้นกลับมาได้ดี ขึ้นในภายหลัง
7. หาเวลาไปงานเทศกาลหนังสือ
เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าหนังสือเป็นคลังของความรู้อยู่แล้ว
8. สร้างกล่องความทรงจำขึ้นด้วยตัวเอง
เทคนิคที่จะทำให้เราจำเรื่องต่างๆ ได้ดีขึ้น ก็คือการจำเรื่องต่างๆ โดยนำไปเชื่อมโยงกับภาพ เช่น เห็นภาพๆ หนึ่ง ทำให้นึกถึงเรื่องราวหนึ่งขึ้นมาได้
9. เรียนภาษาที่ ที่ 3
การเรียนภาษาที่ หรือที่ จะช่วยให้สมองในส่วนของ Prefrontal cortex ซึ่งส่งผลต่อการใช้เหตุผลใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ-ทำงานได้ดีมากขึ้น
10. กินดาร์กช็อกโกแลต
ดาร์กช็อกโกแลตอาจไม่ได้ช่วยเพิ่มความฉลาดให้เรา แต่มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยต่อต้านสารต้านอนุมูลอิสระและจะส่งผลต่อระบบไหลเวียน เลือด
11. ถักนิตติ้ง
การถักนิตติ้งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกระบวนการจัดลำดับความคิด
12. ไม่ยิ้มบ้างก็ได้
จากการวิจัยพบว่าการทำหน้าตาสงสัยเป็นการแสดงออกที่ง่ายที่สุดว่าคุณกำลังใช้ความคิดอยู่
13. เล่นเกมที่โหดๆ
หมายถึงการเล่นบ้างเป็นครั้งคราว เพราะการเล่นเกมที่โหดๆ บ้างจะช่วยลดความรู้สึกตึงเครียดจากการทำงานหรือเรื่องต่างๆ ของคุณลงได้
14. ฟอลโลว์ทวิตเตอร์คนดังที่น่าสนใจ
จะช่วยให้คุณได้มุมมองในการดำเนินชีวิตแบบใหม่มาใช้ ยกตัวอย่างเช่น นูเรียล รูบินี นักเศรษฐศาสตร์และศาสตราจารย์แห่งคณะบัญชีและการเงินของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
15. กินโยเกิร์ต
ในโยเกิร์ตมีโพรไบโอติก ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ซึ่งก็รวมไปถึงช่วยให้มีความจำดีอีกด้วย
16. โหลดโปรแกรมช่วยจำอย่าง SuperMemo มาใช้
การจำอะไรได้เองก็เป็นเรื่องดี แต่บางทีเราอาจมีเรื่องที่ต้องจดจำมากเกินไป ดังนั้น หากมีโปรแกรมดีๆ ช่วยจดจำตารางงานอีกทางหนึ่ง ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น
17. ตรวจสอบระบบการทำงานของสมอง
เดเนี่ยล คาห์เนมัน กล่าวเอาไว้ว่า รูปแบบความคิดของเรามี ลักษณะคือ คิดเร็วและเป็นไปแบบอัตโนมัติ กับคิดช้าและต้องใช้ความพยายามมากหน่อย การเรียนรู้การทำงานของสมองจะช่วยให้เราตรวจสอบตัวเองได้ว่า ขณะนั้นระบบความคิดของเราเป็นไปในลักษณะใด
18. ดื่มน้่ำให้มาก
การขาดน้ำจะทำให้สมองทำงานหนักและอาจลดความสามารถในการวางแผนลงไป
19. เล่นดนตรี
การจดจำตัวโน้ต เพื่อเล่นดนตรีช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองในด้านความจำและการจัดลำดับความคิด
20. เขียนสิ่งต่างๆด้วยมือ
การพิมพ์อาจจะทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่าก็จริง แต่การเขียนจะทำให้สมองได้ทำงานมากกว่า เพราะกลไกของการเขียนมีความซับซ้อนมากกว่าการพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์
21. ปล่อยให้สมองได้คิดในเรื่องต่างๆบ้าง
การตั้งคำถามกับเรื่องต่างๆ เพื่อให้สมองได้คิดบ้าง เป็นการบริหารสมองอย่างหนึ่ง
22. ดื่มกาแฟ
มีการสำรวจว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟวันละ แก้ว จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าน้อยกกว่าผู้หญิงที่ดื่มกาแฟ แก้วต่อสัปดาห์
23. รู้จักเก็บความรู้สึกพึงพอใจ
มีการศึกษาว่า เด็กที่มีความต้านทานต่อการกินขนมหวานได้นานกว่า จะมีคะแนนสอบที่ดีกว่าเด็กที่หยิบมันขึ้นมากินเลยในทันที
24. เขียนรีวิวเรื่องต่างๆ ลงบล็อก
การลงมือเขียนสิ่งต่างๆ ลงบล็อกส่วนตัว จะทำให้สมองของเราทำงานเป็นระบบโดยอัตโนมัติ เพราะเราต้องเริ่มตั้งแต่การลำดับความคิด การเรียบเรียงสิ่งที่จะเขียน การเลือกภาษามาใช้เขียนและสร้างสรรเรื่องราวต่างๆ ออกมา

25. ออกนอกเมืองบ้าง
การออกไปเปิดหูเปิดตานอกเมือง จะช่วยให้สมองได้รับมือกับสิ่งเร้าที่น่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาสมองในอีกทางหนึ่ง

Saturday, February 4, 2012

ไอคอน

                       



                          


                        
















                         


                            

                   
   



                                             

  


   


   


   
                      
































                       



                   



                     



                                            
              
                                        

                                      

                        


             

                                



                         


           

  
                               



 


                               
                  
                                            
           

                         

               



                    


                    
                                                                              

             
                   


               

  
  
        

                    
                
                      





                    




                                   




                                     



                                


                 



        
 
 


 

 

      




                                                   
                                                   


                                                    




           

                

   
     
  

    

    
               

                 

                   

                   

                

                 

                

               

                             

                 

                  

                

                 

                

                

               

               
  
  
                              



             


                    






       
 




 




 







                  



                  


             

                  

         



                          



             
                    
                        




















      
 

     



     

      

     




    






   Photobucket  Photobucket  Photobucket    Photobucket














 
                      
            
 

             
       




    
   
     
     


      
      
   
 
    
     
    
    
   
 
1
   
  
 
 
1