Saturday, November 26, 2011

8 หนทางลัดของคนไม่อยากอ้วน

1. SAY NO ก๋วยเตี๋ยวผัด

เคยเห็นเวลาแม่ค้าเขาผัดก๋วยเตี๋ยวกันบ้างหรือเปล่า
และเคยนับไหมว่าเขาใส่น้ำมันลงไปกี่ครั้ง
คนที่กินก๋วยเตี๋ยวผัด
มักจะไม่ทันรู้สึกถึงความมันของอาหารจานโปรด
เพราะน้ำมันทั้งหมดมันซึมเข้าไปในเส้นเรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าเอาไปวัดแคลอรี
คุณอาจช๊อกกับตัวเลขที่คำนวณออกมา




2. กินแบบครึ่งต่อครึ่ง

ครึ่งที่ว่านี้หมายถึงกินข้าวครึ่งจานและผักอีกครึ่งจาน
หรือถ้ารู้สึกว่ากินข้าวน้อยแล้วไม่อิ่ม
ก็อาจจะลดผักลงมาเป็น 3 ใน 4 ของอาหารทั้งจานก็ยังได้




3. GOOD BYE ก๋วยเตี๋ยวแห้ง

ปมด้อยของก๋วยเตี๋ยวแห้ง
อยู่ที่เส้นที่ชอบสามัคคีกันเป็นก้อนจนแกะไม่ออก
แม่ค้าเขาก็เลยต้องใส่น้ำมันลงไปเยอะ ๆ
เพื่อสร้างความแตกแยก
และเจ้าน้ำมันช้อนกว่า ๆ
ที่จะทำให้คุณอ้วนเอา ๆ
ทั้ง ๆ ที่ลดแทบตาย
ถ้าคุณเป็นสาวกก๋วยเตี๋ยว
ขอแนะนำให้เปลี่ยนมากินก๋วยเตี๋ยวน้ำ
หรือไม่ก็เกาเหลาไปเลยจะดีกว่า
จะได้ทั้งความอร่อยและความผอมครบสูตร




4. ข้าวกล้องครึ่งข้าวขาวครึ่ง

ข้าวกล้องเป็นอาหารลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพมาก ๆ
มันช่วยลดโคเลสตอรอล ลดไขมันในเส้นเลือด
คนที่กินข้าวกล้องเป็นประจำจึงไม่ต้องกลัวเลยว่าจะอ้วน
แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบรสชาติของข้าวกล้อง
อาจจะใช้วิธีตักข้าวกล้องกับข้าวขาวปนกันอย่างละครึ่งจาน
จะเท่ากับว่าคุณได้กินยาลดความอ้วนทุก ๆ มื้อ
แถมยังได้ผิวสวยหน้าใสเป็นของแถมอีกด้วย




5. เมล็ดธัญพืชไม่ต้องบ่อย

เมล็ดธัญพืชมีคุณค่าอาหารสูงมาก
และให้พลังงานที่จำเป็น ทำให้อิ่มท้อง
แต่ขณะเดียวกันก็มีไขมันสูงไม่ใช่ย่อย
เวลากูรูด้านการลดน้ำหนักจัดตารางอาหารให้คนไข้
จึงมักจะห้ามไม่ให้กินเมล็ดธัญพืชมากเกินวันละ 1 กำมือเล็ก
และไม่เกินสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง




6. กาแฟ I CAN DO

เลิกเสียเงินซื้อกาแฟแก้วละเกือบร้อยจากร้านเก๋ ๆ ได้แล้ว
โดยเฉพาะพวกกาแฟใส่นมอย่างลาเต้ มอคค่า คาปูชิโน่
ที่มีแคลอรีล้ำหน้าความอร่อยไปไกลโข
นาทีนี้คุณควรจะหันมาพึ่งตัวเอง
ชงกาแฟกินเอง คุณจะได้จำกัดจำนวนนม น้ำตาลเองได้
ช่วยตัดแคลอรีจากกาแฟลงได้เกือบครึ่ง
แถมยังมีเงินเหลือ
ไปซื้ออุปกรณ์กีฬามากออกกำลังกายได้อีกต่างหาก




7. ถั่วเหลืองสกัดไขมันสัตว์

เวลากินเนื้อสัตว์
ถึงจะพยายามเขี่ยยังไงก็ยังต้องมีไขมันปนมาอยู่ดี
สำหรับคนที่อยากผอมอย่างจริง ๆ
ถั่วเหลือง ถั่วแดง และสารพัดถั่ว
จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
เอาถั่วที่คุณชอบมาต้มแล้วใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็นไว้
เวลาทานข้าวก็ตักเนื้อสัตว์ออกครึ่งหนึ่ง
จากประมาณทั้งหมดที่คุณจะกิน
แล้วใส่ถั่วที่เตรียมไว้ลงไปแทน
คุณจะได้ไม่ต้องอดหมูเห็ดเป็ดไก่ของชอบ
และสามารถกินเนื้อน้อยลง
โดยที่ยังได้โปรตีนครบเหมือนเดิมด้วย . .
ดีสองเด้งอย่างนี้ไม่ลองแล้วจะเสียใจ




8. งดกินของทอด

บางคนมีวิธีกินของทอดโดยการใช้กระดาษซับน้ำมันออกก่อน
แต่ที่จริงถึงจะซับยังไงของทอดก็ยังแคลอรีสูงอยู่ดี
เพราะน้ำมันส่วนใหญ่ซึมเข้าไปอยู่ในอาหารหมดแล้ว
ต่อให้ซับทั้งวันก็เอาออกมาไม่ได้
วิธีป้องกันความอ้วนที่ดีที่สุด
จึงได้แก่กาโบกมือลาให้ของทอด ๆ ไปเลย

10 ทิปส์เก๋กู้ด! ลดพุงแบบง่าย ๆ

1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น

2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้

3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก

4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง

5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย




6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้

7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก

8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก

9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน

10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้อง กับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้

แฟชั่น 7 เคล็ดลับเพื่อเป็นสาวสุดคูล

เวลามองใครแล้วรู้สึกว่า "คนนี้ดูดีจัง" ความคิดต่อมาก็คงไม่พ้น จะทำอย่างไรให้ดูดี สุดเก๋ สุดคูล อย่างเธอคนนั้นบ้าง สาวสวยสุดคูล ฉลาด ดูดี เป็นได้ไม่ยากหรอกค่ะ ลองมาดูไกด์ไลน์ที่เราเอามาฝากในวันนี้กันดีกว่า

1. แต่งตัวด้วยสีกลาง ๆ

ลองสังเกตสาวเท่สุดคูลหลาย ๆ คนมักแต่งตัวด้วยสีกลาง ๆ ไม่ฉูดฉาด อย่างสีดำ ขาว เทา น้ำเงิน ฯลฯ แต่งตัวด้วยสีเรียบ ๆ แต่โดดเด่นได้ด้วยแพทเทิร์น หรือลายสวย ๆ บนเสื้อ หรืออาจจะเป็นเครื่องประดับเท่ ๆ ก็ได้

2. ไม่สนใจสิ่งที่ใครพูดกัน

สาวสุดคูลมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เลียนแบบใคร และไม่สนใจด้วยว่าคนอื่น ๆ จะคิดอย่างไรกับความคิดนั้น แค่ถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองคิดมาอย่างดีแล้วออกมาให้ดีที่สุด เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

3. ไม่บ่นจุกจิก

ไม่ว่างานหรือภารกิจที่รับผิดชอบอยู่จะน่าปวดหัวแต่ไหน สาวที่คุมสติได้ ไม่บ่นจุกจิก หรือตีโพยตีพาย จะดูดีขึ้นมาทันที แถมคนประเภทนี้ยังพยายามทำงานนั้นต่อไปอย่างดีที่สุดอีกด้วย

4. รู้หาวิธีคลายเครียด

สาวสุดคูลไม่ได้หมายถึง ผู้หญิงไฮเปอร์ที่มีกิจกรรมทำอยู่ตลอดเวลา สาวที่รู้จักหยุดนิ่งบ้าง รีแลกซ์บ้าง ถึงจะทำให้ดูดีกว่า สาวคูลทำงานเก่ง แต่ไม่ได้บ้างานนะคะ

5. ชอบการแข่งขัน

นิสัยนี้ออกจะเหมือนนิสัยของผู้ชายอยู่เล็กน้อย แต่นั่นก็นับเป็นเสน่ห์ของสาวคูล เพราะเธอจะเอาจริงเอาจังกับสิ่งนั้น ๆ อย่างเต็มที่ ไม่มีเหยาะแหยะ หรือทำเล่น ๆ ให้เห็นแน่นอน

6. ห้องสะอาดเรียบร้อย

ไม่จำเป็นต้องให้ห้องเนี้ยบทุกกระเบียด ไร้ฝุ่นแม้แต่ปลายนิ้ว เพราะนั่นดูเป็นห้องตามโชว์รูมขายคอนโด มากกว่าจะเป็นห้องที่คนอยู่อาศัยจริง ๆ ขอเพียงให้สะอาดสะอ้าน จัดวางของได้เรียบร้อยก็พอแล้ว นอกจากนั้นจะแปะโปสเตอร์นักร้องวงโปรดสัก 2-3 ใบ รวมกับโปสการ์ดอีกก็ยังไหวนะ แสดงฝีมือได้เต็มที่เลย

7. ใช้ภาษาอย่างถูกต้อง

จงแน่ใจว่าเมื่อต้องแสดงความคิดเห็นใด ๆ ในโลกออนไลน์ อย่าได้นำภาษาวิบัติมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ จนอ่านไม่รู้เรื่องเด็ดขาด ประเภท "คิดถึงเหมือนกัลนะตะเอง" "ม่ายอยากปายหนาย" หรือ หุหุ ครุคริ งุงิ คำประเภทนี้ เติมแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ยังพออนุโลมเข้าใจว่าต้องการใส่อารมณ์ขำขัน น่ารัก ๆ ลงไป แต่เมื่อใช้เยอะเกินไป ก็ชวนรำคาญ พาลให้ไม่อยากอ่านได้ สาวคูลเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอกนะ

เป็นสาวคูลก็ทำได้ไม่ยาก แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นในแบบที่เป็นสไตล์ของตัวเอง ไม่ต้องเลียนแบบใคร อย่างนี้แหละถึงจะเรียกว่า "คูล" จริง ๆ

8 วิธีบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะ การบำรุงผิวไม่ได้หมายถึงการทาครีมบำรุงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการบำรุงผิวอย่างถูกวิธี และเตรียมสภาพผิวหน้าให้พร้อมรับการบำรุง เพื่อให้สารบำรุงต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนจะเตรียมผิวหน้าให้ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่อย่างไรมาดูกันค่ะ

 1. สครับผิว

         เซลล์ ผิวหนังชั้นนอกสุดที่เริ่มหมดสภาพ จะทำหน้าที่คล้ายกำแพงที่ขัดขวางไม่ให้สารบำรุงผิวต่าง ๆ ผ่านลงสู่ชั้นผิวด้านล่างได้สะดวก ทำให้ผิวชั้นล่างไม่สดใส รวมทั้งชั้นบนเองก็หมองคล้ำอย่างเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพด้วย ลองสครับผิวด้วยสครับสูตรอ่อนโยนเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อขจัดผิวที่เสื่อมสภาพชั้นบนสุดออก เปิดทางให้ผิวชั้นล่างที่สดใสกว่าขึ้นมาทดแทน พร้อมทั้งรับการบำรุงได้อย่างเต็มที่ด้วย

 2. เรียงลำดับการใช้ครีมบำรุงอย่างเหมาะสม

         จง จำไว้ว่าอะไรก็ตามที่ทาลงไปก่อนจะซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีที่สุด เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการให้ครีมบำรุงผิวชนิดใดออกฤทธิ์ดีที่สุด ก็ต้องทาครีมชนิดนั้นเป็นลำดับแรก อย่างเช่น หากต้องการให้รอยด่างดำดูจางลง ก็ต้องใช้ครีมลดรอยด่างดำก่อนครีมบำรุงผิวชนิดอื่น หรือหากคุณต้องการแก้ปัญหาผิวสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน อย่างเรื่องสิวและรอยด่างดำ ให้สลับใช้ครีมทั้งสองนั้นเป็นลำดับแรกสลับกันในช่วงเช้าและเย็น นอกจากกฎข้อนี้แล้ว สิ่งที่ควรทำตามอีกหนึ่งประการในการใช้ครีมบำรุงก็คือ ใช้ครีมที่มีความเข้มข้นน้อยไปหาครีมที่มีความเข้มข้นมาก อันจะทำให้สามารถซึมซาบลงสู่ผิวได้ดีพอ ๆ กันตามลำดับความเข้มข้นของมัน

  3. ใช้ครีมบำรุงหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ 

         ผิว หน้าที่เพิ่งผ่านการล้างมา มีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำ ซึ่งจะดูดซับสารบำรุงต่าง ๆ ได้ดีเยี่ยม เพราะฉะนั้นเวลาหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ จึงเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการทาครีมบำรุงผิว

  4. ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น

         การ ล้างหน้าด้วยน้ำพออุ่น ๆ เป็นการวอร์มผิวให้พร้อมรับการบำรุง อุณหภูมิจากน้ำอุ่นจะทำให้เซลล์ผิวรวมทั้งเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง ขยายตัวเพื่อคายความร้อนที่สูงขึ้น นั่นหมายความว่ามีพื้นผิวที่พร้อมรับสารอาหารที่มีประโยชน์จากครีมบำรุง เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

  5. ทาครีมเนื้อหนักทับหลังการบำรุงผิว

         การ ทาครีมเนื้อหนักอย่างครีมที่มีส่วนผสมของปิโตรเลียมเจล เนเชอรัลบัตเตอร์ แว็กซ์ หรือ ออยล์ เป็นส่วนผสมหลัก เป็นลำดับสุดท้ายหลังจากเสร็จสิ้นการทาครีมบำรุงผิวอื่น ๆ จะเป็นการกักให้ครีมบำรุงผิวนั้นซึมลงสู่ผิวหน้าและทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่มีข้อยกเว้นคือห้ามทำเช่นนี้กับครีมที่มีส่วนผสมของ เรตินอยด์ วิตามินซี และ ไฮโดรควิโนน ในเปอร์เซ็นต์สูง เพราะจะทำให้ออกฤทธิ์แรงเกินไป และเกิดอาการระคายเคืองผิวหน้าได้

 6. ใช้เรตินอยด์ในยามก่อนนอนเท่านั้น

         ครีม บำรุงอย่างเรตินอยด์ที่ออกฤทธิต้านการเกิดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี แต่เหมาะที่จะใช้ในเวลากลางคืนเท่านั้น เนื่องจากรังสียูวีที่มีอยู่ในแสงแดดจะรบกวนทำให้มันไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ครีมจะทำงานได้ดีขึ้นในยามที่เราหลับ เพราะในขณะที่นอนอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้นราวครึ่งองศา เส้นเลือดฝอยอยู่ใกล้ผิวหนังมากขึ้น และขยายตัวกว่าปกติ ทำให้ผิวหนังสามารถดูดซับสารบำรุงได้ดีกว่า 

 7. ใช้เซรั่มเพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก

         เซ รั่มเป็นการนำเอาสารบำรุงต่าง ๆ ที่เคยอยู่ในรูปของครีมหรือโลชั่น มาเป็นรูปของเหลว ซึ่งนอกจากจะเข้มข้นกว่าเพราะไม่ต้องถูกเจือจางด้วยเนื้อครีมแล้ว ยังซึมซับลงสู่ผิวง่ายกว่าด้วย หากอยากบำรุงผิวให้เห็นผลทันใจกว่าการใช้ครีมบำรุง เซรั่มบำรุงผิวสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ของคุณได้ดีทีเดียวค่ะ

  8. จับคู่การบำรุงอย่างเหมาะสม

         การจับ คู่ครีมบำรุงผิวให้เหมาะสมเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของครีมบำรุงผิว ให้ดียิ่งขึ้น อย่างการจับคู่ระหว่างครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารกันแดดและสารแอนตี้ออกซิ แดนท์ในตัว เนื่องจากในขณะที่ครีมกันแดดคอยปกป้องผิวจากรังสียูวี สารแอนตี้ออกซิแดนท์ก็จะทำงานได้ดีขึ้นเพื่อยับยั้งรังสียูวีที่อาจเล็ดลอด เข้ามาทำลายผิว และก่อตัวได้ดีขึ้นเพื่อยับยั้งปัจจัยอื่น ๆ ที่จะมาทำร้ายผิว หากครีมกันแดดที่คุณใช้ไม่มีส่วนผสมของสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ลองใช้ครีมอื่นที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ควบคู่ไปด้วยกันได้เช่นกัน นอกจากนี้ การจับคู่ระหว่างสารเรตินอยด์และไฮโดรควิโนน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสามารถลบเลือนจุดด่างดำได้ดียิ่งขึ้นด้วยค่ะ

         หากทำได้เช่นนี้ รับรองว่าสาว ๆ จะมีผิวสวยจากการได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่จากครีมบำรุงผิวที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ

10 วิธีประทินโฉมจากธรรมชาติที่ทำเองได้

ใน ทุกวันนี้ที่มีปัจจัยทำลายความสวยของผู้หญิงเรามากมายสารพัด สาว ๆ หลายคนต่างต้องสรรหาวิธีการดูแลและบำรุงผิวพรรณ เส้นผม มาประทินโฉมกันมากขึ้น เพื่อคงความสวยความงามของตัวเองให้นานที่สุด ยากที่จะถูกสิ่งแวดล้อมมลภาวะโดยรอบทำลาย และการดูแลความสวยความงามด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมของสาว ๆ ปัจจุบันนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากมันไม่ได้ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ใด ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับสาว ๆ ไม่น้อย อีกทั้งยังให้ผลที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์ตามร้านขายเครื่องสำอางเยอะด้วย

           วันนี้กระปุกดอทคอมเลยขอรวบรวม 10 วิธีดูแลความสวยความงามแบบทำเองได้ และมีประสิทธิภาพมาฝากกัน ให้สาว ๆ ได้สวยกันแบบง่าย ๆ ปลอดภัย แถมยังประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยค่ะ

            1. นมสด + น้ำตาลทรายแดง = สครับขัดผิวขาว สูตรนี้เป็นสูตรที่สามารถทำได้ง่ายแสนง่าย เพียงแค่นำน้ำตาลทรายแดงมาเทลงในถ้วยพร้อมกับนมสด จากนั้นนำไปขัดผิว จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดี และน้ำนมก็ยังทำให้ผิวสว่างใส ขาวขึ้นอีกด้วย

            2. โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง = บำรุงผิวบอบบาง แพ้ง่าย สำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย ใช้วิธีนี้เวิร์คสุด ๆ ค่ะ จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น ทำได้บ่อย ๆ ค่ะ

            3. น้ำมันดอกทานตะวัน + น้ำมันดอกคำฝอย = ทรีทเม้นท์ดูแลหนังศีรษะ น้ำมันทั้งสองชนิดนี้ เมื่อนำมาผสมรวมกันแล้วนำไปชโลมผม โดยนวดบริเวณหนังศีรษะให้ทั่ว ช่วยทำให้หนังศีรษะมีสุขภาพดี ลดปัญหารังแคได้

            4. เจลปิโตรเลียม + น้ำตาลทรายแดง = สครับขัดริมฝีปาก นำส่วนผสมทั้งสองอย่างมาผสมกัน จากนั้นนวดเบา ๆ บริเวณริมฝีปาก ช่วยทำให้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งและหลุดลอกอีกต่อไป

            5. เกลือ + น้ำสะอาด = สเปรย์สำหรับเส้นผม นำเกลือป่นมาผสมกับน้ำสะอาด เขย่า ๆ ให้เข้ากัน จะทำให้มีคุณสมบัติเหมือนกับน้ำทะเล ทำให้เส้นผมมีน้ำหนัก และอยู่ทรงสวยงาม

            6. น้ำลอยดอกกุหลาบ + น้ำกะทิ = ครีมอาบน้ำสุดผ่อนคลาย นำกลีบกุหลาบโปรยลงในอ่างอาบน้ำ แล้วใส่กะทิเข้าไปประมาณ 1-2 แก้ว แล้วอาบ จะช่วยให้ผิวนุ่มเนียน ชุ่มชื้น และยังผ่อนคลายด้วยกลิ่นกุหลาบด้วย

            7. น้ำมันมะกอกอุ่น = ทรีทเม้นท์สำหรับเส้นผม นำน้ำมันมะกอกมาอุ่นให้พออุ่นนิดหน่อย แล้วนำไปชโลมบนเรือนผม ช่วยบำรุงผมเสีย แห้ง แตกปลายได้อย่างได้ผล

            8. ชาเขียว + น้ำสะอาด = โทนเนอร์ นำชาเขียวผสมกับน้ำสะอาด จากนั้นนำมาเช็ดบนใบหน้า จะช่วยทำความสะอาดผิวให้เกลี้ยงเกลามากขึ้น

            9. น้ำตาลแดง + น้ำมันอัลมอนต์ = สครับมือและเท้า นำส่วนผสมทั้งสองมาผสมกัน จากนั้นนำไปขัดมือและเท้า อาจผสมครีมอาบน้ำลงไปเล็กน้อยก็ได้เพื่อกลิ่นหอม จะช่วยชำระล้างคราบไคลได้ดีค่ะ

            10. น้ำมะนาว + น้ำผึ้ง = ผิวขาวใสทั่วเรือนร่าง มะนาวมีฤทธิ์เป็นกรด มี AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำให้ผิวขาวขึ้น นำมาผสมกับน้ำผึ้งแล้วนำไปทาบริเวณเรือนร่าง แขนขา จะช่วยทำให้ผิวบริเวณนั้นมีการผลัดเซลล์ผิว ขจัดคราบไคล และเผยผิวใสได้ค่ะ

           เอาล่ะค่ะ คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของสาว ๆ แล้วล่ะ ลองแว๊บไปดูในครัวดูซิว่า มีวัตถุดิบชนิดไหนสามารถนำมาประทินโฉมตามวิธีที่เราแนะนำไปวันนี้บ้าง

อยากเป็นแฟนที่ดี ฟังเรื่องที่ผู้ชายอยากให้ผู้หญิงมี

คน เป็นแฟนกัน ใช่ว่าจะถูกตาต้องใจจากเรื่องรูปร่างลักษณะภายนอกเท่านั้น ยังมีคุณสมบัติเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา หรือว่ารอบอกรอบเอวอยู่อีกมากมาย และคุณสมบัติเหล่านั้นยังมัดใจผู้ชายไว้ได้แน่นอีกด้วย นั่น ๆ อยากรู้ล่ะสิว่าจะมีอะไรบ้าง...งั้นลองไปดูกันค่ะ 

 1. เป็นผู้ฟังที่ดี

          ผู้หญิงขึ้นชื่อว่าเป็นเพศที่ช่างเจรจา จึงมักจะเป็นผู้พูดมากกว่าผู้ฟัง ผู้ชายเองแม้จะพูดน้อยกว่า แต่ยามที่เขาเอ่ยปาก นั่นหมายความว่าเขาอยากให้มีคนตั้งใจฟังสิ่งที่เขาต้องการจะบอก จริง ๆ คุณอาจไม่ต้องปรับนิสัยการพูดให้น้อยลง แต่เพียงทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีมากขึ้น ฟังอย่างใส่ใจจริง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงทำท่าว่ากำลังฟังอยู่ แล้วเขาก็จะรับรู้ได้ว่าเขายังมีคนข้าง ๆ ที่คอยรับฟังเขาอยู่เสมอ

 2. เป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

          เวลาอยู่กับเขาสองคน รับรองว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อย อยากเห็นคุณในตัวตนแบบที่คุณเป็นจริง ๆ ถึงแม้ว่าในบางคราวผู้หญิงอย่างเราจะรู้สึกไม่ค่อยสะดวกใจนักก็ตาม แต่กระนั้นขอให้ไม่ต้องอาย หากจะให้เขาเห็นคุณในชุดนอนตัวเก่าที่เปื่อยย้วย เห็นใบหน้าโล้น ๆ ที่ปราศจากเครื่องสำอางบ้าง ร้องคาราโอเกะด้วยเสียงหลงผิดคีย์ หรือเต้นด้วยท่าทางตลก ๆ ฯลฯ ลองหันด้านที่เป็นธรรมชาติของตัวคุณให้เขาเห็น เพราะผู้ชายรักที่จะได้รู้จักตัวตนด้านนั้นของผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น 

 3. เป็นนักขับที่ดี 

          ส่วนใหญ่เรามักจะได้ยินแต่เสียงบ่นที่คุณผู้ชายมีถึงผู้หญิงว่า "ขับรถไม่ได้เรื่องจริง ๆ" เพราะผู้หญิงมักไม่ค่อยเก่งเรื่องประเภทนี้ แต่หากคุณสามารถเร่งเครื่องพาเจ้าสี่ล้อบิดไปให้ถึงใจได้ รับรองคุณผู้ชายจะอุทาน ว้าว! ด้วยความประทับใจกันเป็นแถว ๆ 

 4. มุ่งมั่นทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ

          ผู้หญิงที่มีความฝัน และมุ่งมั่นที่จะเดินทางไปให้ถึงจุดหมาย จะดูเป็นผู้หญิงที่มีแรงดึงดูดมาก ลองหันกลับมาสำรวจตัวเองดูสิว่า ในตอนนี้คุณได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วหรือยัง หรือกำลังเสียเวลาไปกับสิ่งที่ยังไม่ใช่รึเปล่า? หันมาจับสิ่งที่คุณสนใจแล้วทำมันขึ้นให้เป็นรูปเป็นร่างให้ได้ เพราะอะไรนะเหรอ...ก็ผู้ชายเขาแอบเฝ้ามองและนึกชื่นชมในใจ ยามที่ได้เห็นคุณมุ่งมั่นกับความฝันนะ...จะบอกให้

 5. ไม่จุกจิกเรื่องการกินมากเกินไป

          แม้ผู้หญิงจะเอาใจใส่สุขภาพมากกว่าผู้ชาย แต่หากจะให้เอาแต่เลือกกินเฉพาะอาหารชีวจิต ผักปลอดสารพิษ ไม่กินขนมหวาน ไม่ทานของมัน รวมทั้งปฏิเสธเขาทุกครั้งเมื่อถูกชวนออกไปกินมื้อเย็นอย่างพิซซ่า ไก่ทอด หมูกระทะ เนื้อย่าง หรืออื่น ๆ ทั้งหลาย แล้วให้เหตุผลว่า "กลัวอ้วน" จุกจิกเรื่องการกินมากขนาดนี้ ผู้ชายจะชวนออกไปกินอะไรด้วยกันคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่แน่นอน

 6. ทำอาหารได้

          ต่อให้ผู้ชายบอกว่าถึงคนรักของเขาจะทำอาหารไม่เป็นก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่อยากให้คุณทำอาหารให้เขากินนะคะ คำว่า "เสน่ห์ปลายจวัก" ยังคงใช้ได้ผลจริงแม้ในยุคปัจจุบันนี้ ถึงคุณจะไม่เคยทำอาหารมาก่อน แต่หากเขาได้รู้ว่าคุณพยายามฝึกฝนทำอาหารที่เขาชอบล่ะก็ เอาคะแนนรักไปเต็ม 10 เลยแน่นอน

 7. ผู้หญิงไม่ห่วงสวย

          ผู้หญิงกับเรื่องความสวยความงามนั้นแยกออกจากกันไม่ได้ แต่สาว ๆ ก็ควรห่วงสวยอย่างพอดี ๆ อย่าทำท่าวิตกเหมือนโลกจะถล่ม ที่แต่งหน้าแต่ไม่ได้ปัดแก้ม กรีดอายไลน์เนอร์ไม่เท่ากัน หรือขนตาตกจนทำเอามาสคาร่าเปื้อนขอบตาล่าง จะบอกให้ว่าเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้บางทีผู้ชายก็ไม่สังเกตเลยด้วยซ้ำ

 8. ไม่เอาแต่ใจ ยินยอมผ่อนปรนตาม

          ผู้ชายจะรู้สึกดีหากผู้หญิงของเขาไม่เอาแต่ใจ หรือดื้อดึงจะให้ทุกเรื่องเป็นไปตามที่เธอคิดไว้ การยินดีที่จะเจรจาหาข้อตกลงที่จะอยู่ตรงกลางพอดี ๆ สำหรับทั้งสองฝ่าย มีเหตุผล ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบนี่แหละ ที่จะทำให้ผู้ชายมองคุณน่ารักขึ้นอีกเยอะ

 9. แสดงให้เขารู้ว่าคุณแคร์

          ต่อให้ผู้ชายเป็นคนแข็งกระด้างขนาดไหน ไม่มีใครปฏิเสธได้หรอกว่าเขารู้สึกดี ถ้าผู้หญิงที่เขารักแสดงออกให้รู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา นอกจากนี้ อย่าลืมเอ่ยคำว่ารักเขาบ้าง ให้เขาได้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ระวังอย่าพร่ำเพรื่อพูดบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้คุณค่าของมันดูด้อยลงได้ค่ะ
 
 10. ผู้หญิงสนุกสนานเฮฮา 

          ผู้ชายชอบผู้หญิงอารมณ์ดี สนุกสนานเฮฮา เพราะอยู่ใกล้แล้ก็พลอยมีความสุขไปด้วย แถมยังมีแนวโน้ม (ที่เป็นไปได้สูงว่า) คู่รักอารมณ์ดีมักคบกันได้ไกลด้วยนะ

 11. รู้จักดูแลตัวเอง 

          ผู้ชายชอบผู้หญิงที่รู้จักดูแลตัวเองให้ดูดี ไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพราะการที่ผู้หญิงรู้จักดูแลตัวเองให้ดี ก็บ่งให้เห็นว่าเธอน่าจะดูแลเขาให้ดีได้ด้วย

 12. เข้มแข็ง 

          ผู้ชายนั้นเมื่อรักใคร ก็หมายความว่าเขาพร้อมจะปกป้องดูแลเธอผู้นั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องกลายเป็นคนอ่อนแอ ที่ช่วยตัวเองหรือแก้ปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ และต้องรอให้เขายื่นมือเข้ามาช่วยเสมอไป แม้เขาอาจรู้สึกดีที่ได้ปกป้องดูแลคุณ แต่มันคงจะดียิ่งขึ้นไปอีกหากสาวคนรักของเขานั้น เข้มแข็ง และดูแลตัวเอง เพราะเขาจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมากจนวุ่นวายใจนั่นเอง 

          คุณสมบัติง่าย ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ก็ว่าเป็นสิ่งที่หนุ่ม ๆ อยากให้ผู้หญิงที่เขาชอบมี ถ้าอยากจะเป็นคุณแฟนที่น่ารักยิ่ง ๆ ขึ้นเพื่อเขาล่ะก็ อย่าลืมลองนำไปใช้ดูนะจ๊ะ :)

ถ้าคุณ คิดว่าคุณเป็นคน"โชคร้าย"

ถ้า หาก คุณตื่นขึ้นมา หรือ พบเจอปัญหาสิ่งที่คุณคิดว่า นั่นแหล่ะที่สุดแล้วในชีวิตฉัน แต่... . และหากคุณ อ่านข้อความข้างล่าง นี่จบ คุณ จะพบว่า "ที่จริงมันไม่ไช่คุณหรอกที่ โชคร้าย ที่สุด! "
*ถ้าท่านตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และมีสุขภาพที่ดีไม่เจ็บป่วย ถือว่าท่านโชคดีกว่าอีกคนนับล้านที่ไม่มีชีวิตรอดผ่านสัปดาห์นี่ไปได้
 *ถ้าท่านไม่เคยอยู่ในสภาพ สงคราม ไม่เคยติดคุก ไม่เคยถูกทรมาน ไม่เคยอดอยาก ท่านยังดีกว่าอีก 500ล้านคนบนโลกใบนี้ (ซึ่งเค้ากำลังได้รับการทรมาน)
*ถ้าท่านอยู่ในสภาพที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับ ถูกทรมาน หรือถูกฆ่า ท่านโชคดีกว่าอีกกี่ล้านคนบนโลกใบนี้
*ถ้าท่านมีอาหารเก๊บไง้อยู่ แล้วในตู้เย๊น มีเสื่อผ้าให้ใส่ อาศัยอยู่ในบ้านที่มีหลังคา และมีที่ให้พักผ่อน ท่าจะร่ำรวยและโชคดีกว่าอีก กี่พันคนบนโลกใบนี้
*ถ้าท่านมีเงินในธนาคาร มีเงินในกระเป๋า และมีเศษตังค์ ทิ้งไว้ไนถ้วยที่ไหนสักแห่งของท่าน ท่านเป้น1 ในพันคนที่ รวยที่สุดในโลก เลยนะ
*ถ้าพ่อ-แม่ ของท่านยังมีชีวิตอยู่ และยังอยู่ด้วยกันถือเป๊นเรื่องประเสิด ที่เกิดขึ้นได้ยากแล้วบนโลกนี่
*ถ้าท่านได้อ่านข้อความนี้ถือ ว่าท่านโชคดี2ชั้น ที่มีบางคนคิดถึงท่านแบะเหนือกว่านั้น ท่านโชคดีกว่าอีกสองพันล้านคนในโลกที่ เค้าอ่านหนังสือไม่ออกเรย

 ## บางคนเคยพูดว่า: เรื่องที่ผ่านพ้นไปอย่างไรจะ กลับมาอย่างนั้น
- ลองทำงานเหมือนกับท่านไม่ต้องการเงิน (ทำเพราะรักงาน) แล้วท่านจะรู้สึกว่า มันแทบจะไม่เหนื่อยเลย
- ลองรัก ไห้เหมือนกันท่าน ไม่เคยผ่ายความรู้สึกเจ๊บช้ำมาก่อน แล้วท่านจะรู้สึก มีความสุข ไปกับรักครั้งใหม่
- ลองเต้น ลองร้องเพลง เหมือนกับไม่มีไคร ดู แล้วท่านจะรู้สึกว่าท่านมีความกล้าขึ้นมาก ที่จะแสดง มันออกมาอย่างดี
Ps. ถ้าท่านกำลังมีปันหา กับคนรอบข้างๆ ท่านลองมองในมุม กับกันเพื่อนหาเหตุผล ลองที่จะมองโลกใน แง่ มุมใหม่ๆ ดูบ้างและท่าน จะรู้สึกว่าบนโลก นี้มีอะไร ที่น่าเรียนรู้ และจดจำ อีกมากมาย :")

**##  อย่าลืมว่า โลกมี2 มุมเสมอ อยู่ที่ว่า คุณ เลือกที่จะมองมุมไหน ของโลกใบนี้ ต่างหาก

4 วิธีพัฒนา “อีคิว”

สู่วิถีผู้มี “สุขภาพจิตดี” ช่วยการดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ มีสุข เพียงหมั่นฝึกทักษะ 4 วิธี
นอกจากไอคิว (I.Q.) แล้ว ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ อีคิว (E.Q.) ถือเป็นส่วนสำคัญต่อวัยเรียนอย่างมาก ซึ่งการเข้าใจ รู้จักแยกแยะ ควบคุม และแสดงอารมณ์ถูกต้องตามกาลเทศะได้นั้น จะช่วยเสริมสุข สร้างสมดุลของชีวิต ทั้งยังสามารถเผชิญความคับข้องใจ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างราบรื่น โดยทักษะดังกล่าว สร้างได้ง่าย ๆ ดังนี้
เริ่มจาก “ฝึกสมาธิ” จะ ช่วยจัดระเบียบความคิด ส่งเสริมสมรรถภาพทางใจ ทำให้มั่นคงทางอารมณ์ สงบ หนักแน่น เยือกเย็น ทั้งยังคลายเครียด เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการศึกษาเล่าเรียน นอกจากนั้น การออกกำลังกาย เล่นดนตรี ปลูกต้นไม้ ก็เป็นผลดีเช่นกัน
“ฝึกระงับอารมณ์” ยามเจอสถานการณ์ตึงเครียด ด้วยวิธีต่าง ๆ อาทิ กำหนดลมหายใจให้สติอยู่กับตัว โดยหายใจเข้า-ออกยาว ๆ, นับ 1-10 หรือ นับต่อเรื่อย ๆ จนรู้สึกสงบ หรือ ปลีกตัวออกมาชั่วคราว เป็นต้น ซึ่งหัวใจหลักคือ ต้องรู้เท่าทันอารมณ์ตนเอง โกรธก็รู้ว่าโกรธ แต่สามารถควบคุมความโกรธนั้นได้ และหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสม
“ละทิ้งพฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับ” และค่อย ๆ ปรับปรุงตนเอง รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ฝึกเป็นผู้พูด-ผู้ฟังที่ดี และไม่ลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกผู้อื่น
“ยอมรับความบกพร่อง” เนื่องจากสิ่งที่หวังอาจไม่เป็นอย่างที่คิด 100% ดังนั้น ทักษะข้อนี้ จะช่วยให้ไม่เครียด ไม่ทุกข์ ไม่ผิดหวังมากเกินไป ขณะเดียวกัน ลองมองเป็นความท้าทาย เพื่อสร้างพลังใจต่อสู้กับอุปสรรคให้ผ่านพ้นไปได้
ทักษะข้างต้น เป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนให้เกิดได้ เหมาะอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตท่ามกลางวิกฤติปัญหาปัจจุบัน

ช่างหัวมัน .. แบกไว้ก็หนัก

เรามาเรียนภาษาอังกฤษ กับภาพน่ารัก และบทความดีๆ กันค่ะ
เป็นข้อความเก่าๆ ที่ได้เก็บไว้ในอีเมล์
ดังนั้นจึงเอามานำเสนอ ..ใครอ่านแล้ว ก็อ่านอีกรอบ หลายๆ รอบก็ได้นะค้า
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก
ช่างหัวมัน แบกไว้ก็หนัก

A ถึง Z กับอาหารเพื่อสุขภาพ

วันนี้ Twenty-four Seven มีเคล็ดลับการรับประทานอาหาร และอาหารเพื่อสุขภาพ 26 ชนิดตามตัวอักษร A-Z มาบอกกันค่ะ ถ้าอยากมีสุขภาพดีแล้ว ตามมาดูกันเลย

 A : Apple

          ฝรั่งยกย่องแอปเปิ้ลให้เป็นยอดผลไม้ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย และมีรสชาติอร่อย แถมยังแนะนำให้กินทุกวันอย่างน้อย วันละ 1 ผล

กล้วย

 B : Banana

          เมืองนอกเขานิยมแอปเปิ้ล (เพราะปลูกได้ดีในเขตอากาศหนาว) ก็เหมือนกับบ้านเราที่นิยมกล้วย เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่มีแทบทุกบ้าน เด็กไทยได้กินทุกคน และก็ได้รับการวิจัยออกมาแล้วเช่นกัน ว่าเป็นผลไม้ที่ประโยชน์สูง ไม่แพ้ผลไม้ชนิดใด

 C : Carrot

          พืชหัวสีส้ม รสชาติหวาน เป็นที่ถูกใจของเด็ก ๆ ลองนำไปต้มให้นิ่ม ๆ หรือนำไปตุ๋นน้ำแกง ผัดข้าวผัด กินสดกับสลัด หรือประยุกต์กินกับน้ำพริกก็อร่อย และแครอทยังเป็นผักที่มีวิตามินเอสูงด้วย

 D : Drink water

          ประโยชน์ของน้ำเปล่า คงไม่ต้องบอก แต่ที่อยากจะบอกคือ ต้องดื่มให้เพียงพอ และควรดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง ดีกว่าน้ำเย็น ใส่น้ำแข็งเยอะเลย


ไข่


 E : Egg

          อาหารยอดฮิต ดัดแปลงเป็นเมนูต่าง ๆ ได้หลากหลาย ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เด็ก ๆ  กินได้เต็มที่ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ ควรกินแต่พอเหมาะนะคะ

ผลไม้

 F : Fruit

ผล ไม้สดช่วยในการขับถ่าย และทำให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุ วิตามิน ที่ร่างกายต้องการ และการกินผลไม้ที่ถูกต้อง คือ กินผลไม้ตามฤดูกาล ใครที่น้ำหนักเกินก็ต้องเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวาน และที่สำคัญต้องล้างให้สะอาดก่อนกินเสมอ

 G : Garlic

          อีกหนึ่งเครื่องปรุงอาหารของไทยที่มีสรรพคุณเป็นยา ถ้าเป็นยาแผนโบราณ ใช้บำบัดอาการไอ ไข้หวัด หลอดลมอักเสบ แก้ท้องเสีย ขับลม ขับเหงื่อ และเมื่อมีการวิจัยออกมาก็พบว่า กระเทียมช่วยลดคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี ป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ยังช่วย ลดน้ำตาลในเลือด ลดไตรกลีเซอไรด์ และเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ป้องกันการ เกิดเซลล์มะเร็งอย่างดีเยี่ยม ฉะนั้นทำอาหารมื้อต่อไป อย่าลืมใส่กระเทียมลงไปด้วย ที่สำคัญต้องทุบให้แตกก่อนนะคะ สารต่าง ๆ จึงจะออกฤทธิ์ได้ดียิ่งขึ้น


น้ำผึ้ง

 H : Honey

          น้ำตาลทรายฟอกขาวไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากนัก อาจหันมาใช้น้ำผึ้งแทนกันในบางเมนู ก็ให้รสชาติอร่อย ไปอีกแบบ

 I : Iron

          ธาตุเหล็กมีมากในอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ป้องกันโรคโลหิตจาง เป็นองค์ประกอบของการสร้างเม็ดเลือดแดง ที่สำคัญควรกินผักผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อไปช่วยการทำงานของธาตุเหล็กได้ดีขึ้น


น้ำผลไม้

 J : Juice

ขอ ย้ำให้เป็นน้ำผลไม้คั้นสด คั้นเองได้ยิ่งดี เพราะได้ทั้งวิตามิน และวางใจเรื่องความสะอาด ส่วนน้ำผลไม้กล่องส่วนใหญ่มีน้ำตาลมาก หากดื่มมาก ๆ อาจทำให้อ้วน เกินพอดีได้เหมือนกัน


เคล

 K : Kale

          พืชหัวจำพวกกะหล่ำ บร็อคโคลี เป็นผักอีกชนิดที่มีรสชาติดี มีแร่ธาตุจำเป็นอยู่หลายชนิด แต่มีข้อแม้ว่าก่อนนำมาปรุงจะต้องล้างให้สะอาด เด็ดใบออกมาล้างทีละใบ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ล้างสารเคมีตกค้างออกได้มากที่สุด

 L : Low fat

          อาหารจำกัดปริมาณไขมัน เหมาะกับคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือคนที่ต้องการรักษารูปร่าง แต่ยังไม่เหมาะสำหรับเด็กนะคะ แต่ถ้าเด็กมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินก็เลือกนม low fat ได้เช่นกันค่ะ

สูตรลดน้ำหนัก


 M : Milk

          นม หรือผลิตภัณฑ์จากนม มีประโยชนถ้ากินให้ถูก และรู้จักเลือกกิน หากเด็ก ๆ ดื่มนมจะเป็นการสะสมแคลเซียมในร่างกาย (แต่ต้องควบคู่กับการออกกำลังกาย) ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน แต่ควรเลือกนมให้เหมาะกับตัวเองเช่นกัน ถ้าดื่มไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน เพราะยังมีนมถั่วเหลือง น้ำผลไม้ หรือแคลเซียมชนิดอื่น ๆ ทดแทนกันได้

 N : No sugar

          อาหารที่มีรสชาติหวาน ทำให้คนเรามีความรู้สึกอยากอาหาร และกินได้มากขึ้น จึงเป็นผลทำให้มีโรคอ้วนตามมา ถ้าไม่อยากให้ลูกกินหวาน คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมลดน้ำตาลในอาหารประจำวัน ลดอาหารหวาน ขนมหวาน และน้ำอัดลมให้ได้นะคะ

ข้าวโอ๊ต

 O : Oat

          ข้าวโอ๊ต มีโปรตีนและไขมันสูง แถมยังมีเส้นใยอยู่มาก ชาวตะวันตกนิยมนำมาเป็นอาหารเช้า โดยการใส่ผลไม้แห้งผสมลงไปด้วย เพราะเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง จึงเหมาะกับมื้อเช้าที่เร่งรีบ แต่ไม่ควรเก็บข้าวโอ๊ตไว้นาน เพราะเหม็นหืนง่าย

 P : Pea

          ถั่วต่าง ๆ เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่ทดแทนเนื้อสัตว์ได้ แต่ก็ควรระมัดระวังในการกิน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ๆ ถ้าเป็นถั่วเมล็ดแห้งก็ควรปรุงให้นิ่ม ไม่เช่นนั้นอาจจะติดคอได้ง่าย และควรระวังในเรื่องเชื้อราที่มักอยู่ในถั่วด้วยเช่นกัน

 Q : Quality

          คือการกินอย่างมีคุณภาพ รู้จักเลือกกินอาหาร ที่มีประโยชน์ กินแต่พอดี เพราะการกินมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ย่อมเกิดผลเสียขึ้นได้ทั้งนั้น

ข้าวกล้อง

 R : Rice

          อาหารหลักของคนไทย คือข้าว วันไหนไม่กินข้าวเราจะรู้สึกเหมือนไม่ค่อยได้กินอะไร ข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีมีประโยชน์มากกว่าข้าวที่ผ่านการขัดสีมาก จะให้ดีคุณพ่อคุณแม่ควรฝึกให้ลูกกินข้าวกล้องตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อให้คุ้นชินกับกลิ่น หรือลักษณะของข้าว

อาหารทะเล

 S : Seafood

          อาหารทะเล มีแร่ธาตุที่สำคัญหลายชนิดทั้งวิตามิน เกลือแร่ และที่สำคัญคือไอโอดีน ที่ช่วยป้องกันโรคคอหอยพอก รวมทั้งกรดไขมันจำเป็น เช่น โอเมก้า 3 6 9 มีโปรตีนสูง ย่อยง่าย แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวังเรื่องการแพ้อาหารมากเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ๆ สำหรับผู้ใหญ่ ก็ต้องเลือกอาหารทะเลจำพวกเนื้อปลาเป็นหลัก ถ้าเป็นชนิดอื่น ๆ ต้องระวังเรื่องคอเลสเตอรอล

 T : Tofu

          เต้าหู้ อาหารที่ทรงคุณค่ามากอย่างหนึ่ง กินได้ตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ จนถึงผู้สูงอายุ มีคุณค่าจากโปรตีนถั่ว ปรุงอาหารได้หลากหลาย

 U : Utensil

          คำนี้แปลว่า เครื่องครัว อุปกรณ์ทำครัวต่าง ๆ เพราะกว่าอาหารจะออกมาพร้อมน่ากิน ก็ต้องมาจากในครัว และการทำออกมาอย่างพิถีพิถันนั่นเองค่ะ


ผัก

 V : Vegetable

ใน หนึ่งมื้ออาหารควรกินให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะผัก หลายคนละเลยที่จะมีผักในมื้ออาหาร แต่ไม่เน้นโปรตีนมากกว่า ดังนั้นควรฝึกให้ลูกกินผักตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อให้คุ้นชินและไม่เลือกกินเมื่อโตขึ้น

 W : Whole grain

          คือธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี ฉะนั้นจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามินบีชนิดต่าง ๆ และเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เช่น ข้าวกล้อง ถึงแม้ว่าข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีจะเก็บได้ไม่ยาวนานเท่าข้าวที่ขัดสีแล้ว แต่เมื่อเทียบกับคุณค่าอาหารแล้วธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีดีกว่ามากมาย

 X : XL

          เราใช้ XL แทนขนาดเสื้อผ้าว่าเป็นขนาดใหญ่พิเศษ (อาจจมี X เพิ่มเข้าไปข้างหน้าอีก) แต่ในที่นี้จะขอพูดถึงคนอ้วนที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน ก็มักถูกเปรียบเปรยให้ใช้คำนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรระวังอย่างมาก เพราะภาวะโภชนาเกินนี้เป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ

โยเกิร์ต

 Y : Yogurt

          เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปมาจากนม และให้ประโยชน์มาก เพราะในโยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไปช่วยการทำงานของลำไส้ มีแคลเซียมสูง ถ้าจะกินให้ได้ประโยชน์ควรกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติ เพราะโยเกิร์ตรสชาติต่าง ๆ มักจะมีการเติมน้ำตาลลงไปเพื่อให้รสชาติดีขึ้น

 Z : Zinc

          ถึงแม้แร่ธาตุสังกะสี จะเป็นแร่ธาตุที่คนเราต้องการให้ปริมาณไม่มากนัก แต่บทบาทและหน้าที่ของแร่ธาตุตัวนี้ก็สำคัญทีเดียว เพราะสังกะสีทำงานร่วมกับเอนไซม์ในการสร้างโปรตีนย่อยอาหาร มีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโต และพัฒนาการของเด็ก ถ้าสังกะสีจะทำให้การเจริญเติบโตหยุดชะงัก การเจริญพันธุ์ทางเพศช้า และยังมีส่วนสำคัญใน การส่งเสริมวิตามินเอให้ทำงานได้ดีขึ้น