Monday, July 25, 2011

เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!

วัสดีครับน้องๆชาว Dek-D.com ทุกคน ตอนนี้ก็ใกล้จะสอบปลายภาคกันแล้ว ก็ขอให้น้องๆ ตั้งใจอ่านหนังสือสอบ จะได้คะแนนเยอะๆ เกรดดีๆ กันทุกคนเลย พี่บอยขออวยพร ^^


        สำหรับวันนี้พี่บอยเอาเทคนิคการถ่ายภาพที่ทำให้ภาพดูไม่น่าเบื่อมานำเสนอดูอีกแล้ว วันนี้จะขอเทคนิค "การถ่ายแสงไฟให้เป็นแฉก" ฟังดูเหมือนยากใช่มั้ยครับ แต่ที่จริงแล้ว ง่ายจะตาย เอาล่ะมาเริ่มกันเลยดีกว่า

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!

       สิ่งที่ต้องใช้นะครับ กล้องดิจิตอล (แหงแหละ ถ้าไม่มีจะถ่ายยังไง) และขาตั้งกล้องนะครับ
น้องๆอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ไม่เห็นมีอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมเลย แล้วมันจะทำได้จริงหรือเนี่ย
ทำได้สิครับ เพราะเทคนิคนี้เป็นการ ปรับฟังก์ชั่นของกล้องนิดๆหน่อยๆ ที่น้องๆ มองข้ามไปนะครับ

วิธีมีอยู่ว่า!!!

"ปรับค่า F (ค่ารูรับแสง) ให้แคบที่สุด นั้นก็คือ ตัวเลขมาก เช่น F8.0 F11 F22 เป็นต้น"

และวิธีนี้ต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วยเพราะการที่เราหรี่ค่า F ลงนั้น
จะทำให้่ความไวชัตเตอร์ต่ำลงไปด้วย
ซึ่งจะทำให้ภาพที่ได้มีการสั่นไหว เบลอได้ หากไม่ใช้ขาตั้งกล้อง 


อ้อ!!! วิธีนี้ กล้องคอมแพคก็ทำได้อย่างไม่อาย DSLR เลยนะครับ ^^

เรามาดูตัวอย่างภาพกันดีกว่า


เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!

ภาพข้างบนอาจจะเบลอนิดนึงเพราะพี่บอยไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องนะจ๊ะ ^^

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!

เด็กดีดอทคอม :: เทคนิคถ่ายภาพเด็ด : ถ่ายยังไงให้แสงไฟเป็นแฉก!!


        เอาล่ะครับ วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ ไม่ว่ากล้องไหนๆก็ถ่ายได้ แต่!! ต้องเป็นกล้องที่ปรับค่า F (รูรับแสง) ได้นะครับ โดยที่แฉกของแสงจะชัดเริ่มตั้งแต่ F8 เป็นต้นไป และแฉกจะคมชัดเรื่อยๆ เมื่อค่า F มีเลขที่มากขึ้น เช่น 11  22

        คราวหน้าพี่บอยจะเอาเทคนิค หรือความรู้อะไร เกี่ยวกับการถ่ายภาพ มานำเสนอให้น้องๆได้อ่านกัน ต้องติดตามอ่านกันในครั้งหน้านะครับ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะ ^^

6 ความลับช่วยให้คุณมีรูปร่างดี

ไม่ ว่าสาว ๆ คนไหนก็อยากมีหุ่นเช้งวับดูมีสุขภาพดีแทบทั้งนั้น แต่กว่าจะไปถึงขั้นนั้นได้นี่สิ สารพัดเคล็ดลับที่ขุดออกมาใช้ก็ยังไม่ได้ผลเสียที เอ...หรือ ว่าจริง ๆ แล้ว คุณสาว ๆ กำลังบริหารรูปร่างของตัวเองผิดวิธีหรือเปล่านะ วันนี้เราจึงมี 6 เคล็ดลับเกี่ยวกับการบริหารรูปร่างให้ฟิตแอนด์เฟิร์มมาบอกกัน

1.หยุดขี้เกียจ ไปออกกำลังกายซะ

          ความเบื่อและขี้เกียจไปออกกำลังกายเป็นอุปสรรคใหญ่ในการมีรูปร่างที่สวยงาม แม้ว่าคุณจะทานอาหารที่เปี่ยมไปด้วยประโยชน์ หรือหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง แต่หากคุณไม่คิดถึงการออกกำลังกายเลย รับรองว่าทั้งต้นแขน หน้าท้อง สะโพก รวมทั้งต้นขาของคุณไม่มีทางแบนราบได้แน่ ๆ ค่ะ ส่วนการใช้ยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมนั้น ก็ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ในช่วงสั้น ๆ เท่านั้น แถมยังทิ้งผลข้างเคียงไว้ในระยะยาวอีกต่างหาก

          พูด มาเสียขนาดนี้ ก็คงต้องหันไปคิดเรื่องการออกกำลังกายบ้างแล้วล่ะค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปเข้าฟิตเนสเป็นชั่วโมง ๆ หรอก แค่เจียดเวลาสัก 10-30 นาที มาออกกำลังกายก็ช่วยได้แล้ว หรือจะเลือกวิธีออกกำลังกายง่าย ๆ อย่างเช่น การเดิน แล้วก็ค่อย ๆ เพิ่มระยะทางขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้คุณใช้พลังงานได้มากขึ้น และไขมันก็จะถูกเบิร์นออกไปได้ด้วย

          และสำหรับสาวทำงานที่มักบ่นว่าไม่มีเวลา เราขอแนะนำให้คุณหาเวลาสัก 10 นาที ลุกขึ้นมาเดินเล่นหลังรับประทานอาหารกลางวันบ้าง ดีกว่ากลับไปนั่งเฉย ๆ ที่โต๊ะทำงาน รู้ไหมคะว่า การเดินวันละ 10,000 ก้าว (เทียบได้กับการเดินเร็ว ๆ ประมาณ 20 นาที) จะช่วยให้คุณใช้พลังงานไปมากกว่า 500 กิโลแคลอรีเลยทีเดียว ว้าว! ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ

2.ห้ามอด!!! ต้องทานให้ครบ 3 มื้อ

          หลายคนเข้าใจว่า การไดเอทแบบอดอาหารจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และส่วนใหญ่สาว ๆ มักจะอดอาหารมื้อเช้าเสียด้วย โดยให้เหตุผลว่า "ไม่มีเวลาทาน" หรือไม่ก็คิดว่า "เดี๋ยวก็ทานมื้อเที่ยงแล้ว" ทำ ให้สาว ๆ หลายคนยอมอด แล้วปล่อยให้ท้องหิวจนลืมตัวส่งผลให้ทานอาหารมากกว่าปกติในมื้อต่อไป ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกขี้เกียจ และง่วงนอนในตอนบ่ายไปเสียอีก

          วิธีนี้ไม่ดีต่อการรักษาหุ่นสวยของคุณสาว ๆ แน่นอนค่ะ เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณได้ทานอาหารหลังจากอดมื้อใดมื้อหนึ่งมา ร่างกายของคุณจะยิ่งสั่งให้คุณทานเข้าไปเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยสารอาหารที่เสียไป และเก็บพลังงานสะสมไว้มากเท่าที่จะมากได้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยิ่งคุณอดก็จะยิ่งทำให้คุณอ้วนขึ้นง่ายกว่าเดิมเสียอีก

          เช่น นั้นแล้ว วิธีที่ดีที่สุดเลยก็คือ ควรทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อค่ะ แต่อาจลดปริมาณลง หรือแบ่งส่วนเล็ก ๆ ไว้ทานระหว่างวันทุก ๆ 3-4 ชั่วโมง โดยเลือกอาหารจำพวก โยเกิร์ตไขมันต่ำ ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยเกินไปนั่นเอง


ออกกำลังกาย


3.ออกกำลังกายเฉพาะส่วน ไม่ใช่ทางที่ดีที่สุด

          เชื่อเถอะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีปัญหาที่ต้นขา หน้าท้อง สะโพก และต้นขาเหมือน ๆ กัน โดยเฉพาะสาวออฟฟิศที่พบได้บ่อยกว่าเพื่อน เพราะแทบไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายนั่นเอง ฉะนั้นแล้ว การออกกำลังกายเฉพาะส่วนก็มักเป็นวิธีที่สาว ๆ เลือกบริหารเพื่อช่วยให้ร่างกายบริเวณนั้นฟิตแอนด์เฟิร์มมากขึ้น

          แต่ รู้ไหมว่า การที่เราออกกำลังกายแบบโฟกัสเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็นการซิทอัพเพื่อลดหน้าท้อง หรือการเล่นสควอชเพื่อให้ต้นขาเฟิร์ม อาจจะไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะเบิร์นไขมันส่วนเกิน และทำให้รูปร่างคุณดีขึ้น เนื่องจากการที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินออกไป นั้นจำเป็นต้องออกกำลังกายประเภทที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจ และออกกำลังกายในทุก ๆ ส่วนร่วมกับการควบคุมอาหาร

          ดังนั้น ใครที่มุ่งเน้นการออกกำลังกายแบบเฉพาะส่วนแล้วรู้สึกว่าไม่ได้ผลดังใจ เราขอแนะนำให้คุณหาเวลามาออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง และให้ออกกำลังกายเฉพาะส่วนแบบที่คุณถนัดสักครึ่งชั่วโมงเป็นเวลา 2 ครั้งต่อสัปดาห์

4.เบิร์นแคลอรีง่าย ๆ แค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง

          "ไม่มีเวลาออกกำลังกาย" เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่คนมักอ้างเวลาขี้เกียจ แต่ความจริงแล้ว เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายหลายชั่วโมงก็ออกกำลังกายได้ เพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดแคลอรีส่วนเกินออกไปได้แล้วล่ะค่ะ โดยคุณอาจแบ่งช่วงเวลาออกกำลังกายออกเป็น 2-3 ครั้งในหนึ่งวัน แต่รวมกันให้ได้สัก 30 นาที ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

          ยกตัวอย่าง คุณอาจวิ่งขึ้นลงบันได หรือกระโดดเชือกหลังจากตื่นนอน สัก 15 นาที เมื่อไปทำงาน หลังทานอาหารเที่ยง คุณก็อาจจะลุกขึ้นมาเดินเล่นสัก 15 นาที หรือจะเลือกเต้นแอโรบิก, แอโรบ็อกซิ่ง สัก 15 นาที หรือกระทั่งเหงื่อออกก็ยังไหว แค่นี้คุณก็ออกกำลังกายได้วันละ 45 นาทีเข้าไปแล้วนะ ถ้าคุณทำแบบนี้ได้สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ร่วมกับการควบคุมอาหาร รับรองว่า ภายใน 2 เดือน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ๆ ขอบอก

5.ออกกำลังกายให้หนักขึ้น

          สำหรับคนที่ห่างหายจากการออกกำลังกายมานานเหลือเกิน เมื่อถึงเวลาที่คุณจะกลับไปออกกำลังกายอีกครั้ง คงจะรู้สึกเหนื่อยไวขึ้น แต่หลังจากออกกำลังกายได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายของคุณจะเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานของหัวใจและปอดดีขึ้นไปด้วย

          เช่นนั้นแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องออกกำลังกายให้หนักขึ้น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น และกระตุ้นให้แคลอรีถูกกำจัดออกไปให้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณออกกำลังกายมากเกินไปทีเดียวนะคะ ควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายทีละเล็กน้อย เช่น เพิ่มเวลา เพิ่มระยะทาง ตั้งเป้าให้สูงขึ้น แล้วค่อย ๆ ทำอย่างระมัดระวัง เพื่อ ให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ระหว่าง 120-150 ครั้งต่อนาทีเป็นเวลาต่อเนื่องประมาณ 20 นาที จะช่วยให้คุณแข็งแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

6.ระวังอาการบาดเจ็บ

          อาการ บาดเจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ทุก ๆ ที่ และทุกเวลา โดยเฉพาะเมื่อคุณออกกำลังกาย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้คุณบาดเจ็บอาจมาจากการใช้กล้ามเนื้อมากเกินไปนั่นเอง เพราะ ฉะนั้นแล้ว ก่อนที่จะออกกำลังกายทุกครั้ง ก็ควรยืดกล้ามเนื้อเสียก่อน เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อม และช่วยให้ร่างกายยืดหยุ่นมากขึ้น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย

          นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรลืมก็คือ ควรประเมินขีดจำกัดของร่างกายตัวเองไว้ด้วยค่ะ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรู้สึกเหนื่อยมาก จนเจ็บ-ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง นั่นเป็นสัญญาณว่าคุณควรหยุดทันที หากยังฝืนออกกำลังกายต่อไป อาจจะยิ่งทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงขึ้น เช่น กล้ามเนื้ออักเสบ เส้นเอ็นอักเสบ หรือขาดได้เลยทีเดียว

          สำหรับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน ควรเปลี่ยนไปออกกำลังกายในรูปแบบอื่น ๆ ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น ไม่ควรออกกำลังกายประเภทเดียวกันซ้ำ ๆ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณวิ่งออกกำลังกายมาตลอด ก็ควรเปลี่ยนไปเล่นกีฬา หรือออกกำลังกายอย่างอื่นบ้าง เพราะการวิ่งจะช่วยบริหารเฉพาะกล้ามเนื้อขาเท่านั้น แต่ควรหันไปบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงในร่างกายมากขึ้นด้วยค่ะ


ออกกำลังกาย


 4 ความลับเอาชนะการออกกำลังกาย

          เลือกกิจกรรมออกกำลังกายที่คุณชอบ จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเบื่อ หรือสูญเสียความตั้งใจ และเลือกการออกกำลังกายที่หลากหลาย เพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้ฟิต

          เป็นเทรนเนอร์ให้ตัวเอง เพราะคุณคือคนที่รู้จักร่างกายของตัวเองได้ดีที่สุด ฉะนั้น จัดเวลาออกกำลังกายที่เหมาะสมให้ตัวเองได้เลย

          เลือกออกกำลังกายในเวลาที่คุณสะดวกที่สุด และทำเป็นประจำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปาดห์ หรือสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง

          จำไว้ว่า การออกกำลังกายหนัก ๆ เร่ง ๆ ในเวลาสั้น ๆ ไม่ได้ให้ผลดีไปกว่าการออกกำลังกายแบบธรรมดา ๆ แต่ต่อเนื่อง


ดุ๊กดิ๊ก

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
  

Sunday, July 24, 2011

18 คำที่เหมือน แต่ความหมายต่างในมุมของชาย-หญิง

ผู้หญิง
1.ความคิดถึง
ผู้หญิง=เพิ่งแยกจากเรามาแค่ครู่เดียวเอง ก็คิดถึงอยากเจอหน้าเจาอีกแล้วน่ะ
ผู้ชาย=ความคิดถึงก็เหมือนการได้ลงเตะฟุตบอลที่เราอยากเตะพอ ได้เตะแล้วก็หายอยาก

2.การจีบ
ผู้หญิง=เขาเข้ามาคุยกับเราบ่อยๆอย่างนี้ เขากำลังจีบเราอยู่แน่เลย
ผู้ชาย=บางครั้งการจีบก็เป็นแค่การทดสอบความสามารถของตัวเอง ไม่ได้รู้สึกจริงจังเลย

3.การตกหลุมรัก
ผู้หญิง=การก้าวขาหล่นลงไปในหัวใจของเขา ลึกจนยากจะปีนขึ้นมาง่ายๆ
ผู้ชาย=การเดินสะดุดขาอ่อนของเธอ อาจจะเซไปบ้างแต่ไม่ถึงกับทำให้เสียการทรงตัว

4.หัวใจ
ผู้หญิง=อวัยวะที่ยกให้เขาไปแล้ว ก็ไม่อยากให้เขาส่งคืน
ผู้ชาย=อวัยวะที่ให้ในการหายใจอะดิ

5.แฟนเก่า
ผู้หญิง=คนรักของวันวานที่ถ้าบังเอิญเจอหน้าในวันไหน ก็ทำให้ใจสั่น
ผู้ชาย=ใคร?เธอคือใครหรอ จำไม่ได้แล้วอะ

6.แฟนใหม่
ผู้หญิง=คนรักของวันนี้ที่เราอยากให้เป็นคนรักของวันหน้า ไปนานๆ
ผู้ชาย=แฟนของวันนี้ แต่วันหน้าค่อยว่ากันอีกที

7.โทรศัพท์
ผู้หญิง=เครื่องมือสื่อสารที่ช่วยสื่อความคิดถึง
ผู้ชาย=เครื่องมือสื่อสารที่เธอมีไว้คอยโทรจิกตามตรวจสอบเรา ทุกที่ ทุกเวลา

8.ความเหงา
ผู้หญิง=แค่ไม่มีเขาเราก้อเหงาเหลือเกิน
ผู้ชาย= 365วันไม่เหงา เพราะเราไม่ขาดเพื่อน

9.ดอกไม้
ผู้หญิง=เดินผ่านร้านดอกไม้ทีไร อยากให้เขาซื้อให้เรา แค่ดอกเดียวก็พอ
ผู้ชาย=ก็แค่ดอกไม้ดอกเดียว ทำไมเธออยากได้อะไรนักหนา

10.จูงมือ
ผู้หญิง=เป็นแฟนกันแรกๆ เขาจูงมือเราไม่ยอมปล่อย
ผู้ชาย=โอ้ย ผมไม่ได้เด็กๆแล้วนะ ต้องจูงมือข้ามถนนด้วย

11.หึง
ผู้หญิง=รักคือหึง…หึงคือรัก ไม่รักไม่หึง ไม่หึงถ้าไม่รัก
ผู้ชาย=ที่ผมเผลอลงไม้ลงมือกับคุณน่ะ เพราะผมหึงนะ

12.น้ำตา
ผู้หญิง=เครื่องมือที่ช่วยลดความเครียดตามธรรมชาติ
ผู้ชาย=เครื่องมือเรียกร้องความสนใจของผู้หญิง

13.เดทครั้งแรก
ผู้หญิง=เหตุการณ์ตื่นเต้นที่สุดอีกครั้งในชีวิต เขาจะพาเราไปนั่งกินอาหารร้านไหนนะ
ผู้ชาย=เหตุการณ์ผลาญเงิน หวังว่าเธอคงไม่เห็นแก่กิน เลือกร้านแพงๆเหมือนยัยคนก่อน

14.ช้อปปิ้ง
ผู้หญิง=กิจกรรมสุดโปรด ได้ทำแล้วเหมือนมีสารเอ็นโดรฟินหลั่งออกมา
ผู้ชาย=เครียดก็ช้อป มีความสุขก็ช้อป อารมณ์ปกติก็ช้อป ผู้หญิงโรคจิต!

15.การสารภาพรัก
ผู้หญิง=เป็นแฟนกันมาตั้งนาน แค่คำว่ารักคำเดียว เขายังไม่เคยพูดให้เราได้ยินเลย
ผู้ชาย=เป็นแฟนกันมาตั้งนาน คำว่ารักคำเดียวจะสำคัญอะไรนักหนา

16.อกหัก
ผู้หญิง=ทำลายของๆเขา ฉีกรูปคู่ทิ้ง เก็บตัวอยู่ในห้อง ฯลฯ เจ็บนี้อีกนาน
ผู้ชาย=กินเหล้า,จีบดะ,เที่ยวกระจาย ฯลฯ 3วันหายอกหัก

17.งอน
ผู้หญิง=ดูเขาเถอะ! หาเรื่องให้เราต้องงอนอีกแล้ว
ผู้ชาย=ดูมัน! งอนได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ

18.ง้อ
ผู้หญิง=ดีใจจังเขาง้อเราแสดงว่าเขายังรักเราอยู่
ผู้ชาย=เซ็ง! ต้องแกล้งง้อไปงั้นแหละ ดีกว่าต้องทนเห็นหน้าที่เป็นตูดของเธอ